วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

หยดน้ำ

   กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหยดน้ำ หยดหนึ่ง อยากเดินทางไปยังดินแดนแสนไกลโผ้น
หยดน้ำหยดนี้ก็เดินทางไปเรื่อยๆ ตามชีวิตของนักเดินทาง..
ความงดงามสดใสของหยดน้ำยังเหมือนเดิม ความสุขของหยดน้ำก็กลับมาเป็นห้วงเวลา ตามต้องการของใจปรารถนา มาสู่..
หยดน้ำ หยดแล้วหยดเล่า ร่วงลงมา กระทบยอดหญ้าและดอกไม้มากมาย เสียงของสายฝนกำลังร่ำร้อง เหล่าต้นไม้น้อยใหญ่กำลังขานรับดวงใจที่หายไป สายลมพัดพา ตามหาดวงใจในฟ้าที่มืดหม่น แต่ไร้เสียตอบกลับ หยดน้ำจึงหล่นลงมาพร้อมดวงใจที่โศกเศร้า แต่สายลมไม่รู้..
ในนั้น..ในหยดน้ำมากมายมันได้ซ่อนข้อความบางอย่างไว้ จากฟ้าถึงสายลมปริศนานานา ถูกส่งผ่านสายน้ำที่เรียบง่าย ไหลลงมา มาเป็นสายค่อยๆริน ค่อยๆโปรยปราย เสียงหนึ่งจึงแว่วมา..


"จะรอนะ ณ สถานที่ไม่อาจจะรอได้ ฉันจะอยู่ที่นั่นหาฉันให้เจอ ฉันไม่ได้ทิ้งเธอไป แต่เธอต่างหากที่ทิ้งฉันไป มาหาฉัน ณ ที่เดิม ฉันจะอยู่ที่นั่น ที่ๆไม่อาจจะรอเธอได้ ฉันจะรอเธอ ณ ที่นั่น สายลม"


ลมจะพัดหายไปในกับหยดน้ำบนยอดหญ้าเสียงเพลงจะถูกบรรเลงอย่างไร้ทำนองท้องฟ้าจะขุ่นมัว ในวันที่สดใส

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ห้วงเวลาชีวิตหนึ่งของเรา ก็เหมือนใบไม้ที่กำลังร่วงหล่น

สายลม แผ่วเบา  ท่ามกลางแสงแดดทอประกาย  ใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่  ใบไม้ค่อยๆ ร่วงหล่น..ตามแรงลม  พลันคิดว่า..ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้แน่นอน  เมื่อถึงเวลาอันสมควรใบไม้ก็ล่วงหล่นจากต้น  ไม่ต่างกับคน มีพบย่อมมีจากเป็นธรรมดา  อาการของคนหมดใจ  คงมีชีวิตอยู่เพื่อรอวันจากไป  จิตใจที่ถูกกระทำซ้ำๆ  เจ็บปวดกับเรื่องราวทำร้ายจิตใจ  จะทนได้นานสักเท่าไร  จากเจ็บมากมายค่อยๆ กลายเป็นชาชิน  อย่าแปลกใจกับท่าทีที่เฉยชา  และแววตาที่สิ้นหวัง  อย่าเสียใจ..กับการพลัดพราก  เมื่อถึงเวลา ใบไม้ย่อมร่วงหล่น  แต่ไม่นาน ก็จะมีใบไม้ใบเล็กๆ มาแทนที่  และจะวนเวียนอยู่เช่นนี้เสมอไป ฉันคือ..ใบไม้..ใบหนึ่ง


วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทีมงานอบรม..คณิตศาสตร์นอกกะลา...

โรงเรียนนอกกะลา
ครูชาญ ครูตั้ม ครูเส็ง ครูฝน ครูป้อม



วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แววตา - ลมหายใจ - อากัปกิริยา..

ความรู้สึกจาก 'แววตา'
ความอ่อนไหวจาก 'ลมหายใจ'
ความไหวเอนจาก 'อากัปกิริยา'





ภาพศิลปะเสมือนจริง บนท้องถนนคนเดิน...

การวาดภาพแนว 3 มิติ


วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Amar Bharti ชายผู้ไม่เคยเอาแขนลงกว่า 30 ปี...

ความสุขของชายผู้นี้ คือ การแสวงหาหนทางที่เป็นทุกข์เข้ามมาให้ตนเองผ่านมัน


Amar นักบวชฮินดูนิกาย Shiva ผู้ที่ถูกกล่าวขานเป็นตำนานของ ชายผู้ไม่เคยเอาแขนลง Amar ก่อนหน้านี้ก็เป็นคนธรรมดาๆ มีลูกมีภรรยา มีทรัพย์สมบัติ แต่มาวันหนึ่งเขาตัดสินใจออกจากบ้าน ทิ้งทุกอย่างทั้งลูก ภรรยา ทรัพท์สมบัติ เพื่ออุทิศตัวใช้ชีวิตที่เหลือเป็นนักบวช ต่อมาเขารู้สึกว่าความศรัทธาเขายังไม่เพียงพอเพราะยังมีความสุขสบาย ความพอใจอยู่ จึงตัดสินใจยกแขนข้างหนึ่งขึ้น เพื่อสร้างความทุกข์ยากให้ตัวเอง เหมือนกับเด็กที่กำลังขอพร ขอพลังจากธรรมชาติ และตั้งแต่ Amar ตัดสินใจยกแขนของเขาขึ้นในปี 1973 เขายังไม่เคยเอามันลงอีกเลย ลองมาดูรูป Amarกันครับน่าทึ่งมากๆ


แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง แม่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล่...

สายตาแม่เห็นแต่ลูกน่ารัก คอยพิทักษ์ป้องภัยไล่ความหมาง 
ผิดกี่ครั้งแม่ก็ยังปลอบไม่วาง คอยเสกสร้างโอกาสเสมอมา 
รักของแม่มีแต่ให้และให้ โดยไม่หวังสิ่งใดคืนมาหา 
เพียงเพื่อลูกมีสุขในชีวา แม่ก็สุขหนักหนาทวีคูณ..

รักคุณแม่เสมอครับ..
 

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

พี่ๆ ม.1 สอนน้อง อ.1 โรงเรียนนอกกะลา

ร้องเพลงจากหมู่บ้านพลัม 'ด้วยความขอบคุณ'

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554

 
Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า 3.0 ประเทศไทย.