tag:blogger.com,1999:blog-6098578646187483833.post6376407077599580731..comments2023-06-04T07:13:53.822-07:00Comments on คนล่าฝัน: คำคม..Prof. S.W. Hawking ... โดยครูป้อมราชิต สุพรhttp://www.blogger.com/profile/15510132528870869247noreply@blogger.comBlogger3125tag:blogger.com,1999:blog-6098578646187483833.post-366353780258120192010-04-05T09:26:49.676-07:002010-04-05T09:26:49.676-07:00เทคนิคการเรียนเก่ง 7 ข้อ จากหนูดี
ข้อที่ 1 : พกปา...เทคนิคการเรียนเก่ง 7 ข้อ จากหนูดี<br /><br />ข้อที่ 1 : พกปากกาสี 12 สี ติดตัว<br /><br />ทฤษฎีสี กล่าวไว้ ว่า สีจะสามารถเพิ่มการจดจำเนื้อหาต่าง ๆ ได้มากกว่า สีน้ำเงินที่เขียนตามปกติ จึงควรซื้อปากกาสีต่าง ๆ ติดตัวไว้ เวลาอ่านหนังสือก็ใช้ปากกาสีในการจดเนื้อหา ของ stabio ก็ดีนะ ทนหลายปีเลย<br /><br />* สำหรับคนที่กลัวว่าจะจดไม่ทันก็ใช้วิธีจดเฉพาะเนื้อหาสำคัญพร้อมกับบันทึกเสียงไปพร้อม ๆ กัน แค่นี้ก้อสามารถจดจำได้แล้วล่ะ<br /><br />ข้อที่ 2 : ใช้สมุด note ที่ไม่มีเส้น<br /><br />การใช้สมุด note ที่มีลายเส้นนั้นเหมือนเราอยู่แต่ในกรอบเส้นนั้น แต่ถ้าใช้สมุด note ที่ไม่มีเส้นนั้นจะทำให้เราไม่มีกรอบในการเขียน เราอยากเขียนอะไรก็อยากเขียนได้ทั้งนั้น ปัจจุบันหาซื้อยาก ต้องลองหาแถว ร้านขายสมุดวาดรูปดูน่ะ<br /><br />ข้อที่ 3 : บันทึกงานออกมาในรูป Mind Map Or Pic.<br /><br />ถ้าเราอ่านหนังสือการ์ตูนตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว กับอ่านหนังสือ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราจะสามารถจดจำการ์ตูนได้มากกว่า เวลาจดเนื้อหาบางอย่างอาจจะจดในรูปแบบ Pic. จะสามารถจดจำได้มากกว่า<br /><br />การบันทึกงานในรูปแบบของ mind Map จะเป็นการแบ่งเรื่องหัวข้อใหญ่ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการอ่าน อาจใช้ mind map เป็นรูปก็ได้<br /><br />ข้อที่ 4 : Mp3<br /><br />เราควรจะมี mp3 เพื่อใช้ในการบันทักเสียงเวลาที่คุณครูสอนแต่ไม่สามารถฟังและเก็บเกี่ยวเนื้อหาได้ครบทุกอย่าง<br /><br />หากเราอัดไว้ก็จะสามารถย้อนกลับไปฟังได้ หลาย ๆ ครั้ง ก่อนสอบ<br /><br />ข้อที่ 5 : เอาใจครู<br /><br />เอาใจครูในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเอาอกเอาใจครู หมายถึง ทำตัวตามสไตร์ที่คุณครูชอบ เพื่อเพิ่มความชอบของคุณครูในตนเอง<br /><br />เวลาเราชอบครูคนไหนก็อยากเรียนกับครูคนนั้น อยากส่งงาน ครู อยากเจอหน้าครู ก็จะทำให้เรียนเก่งยิ่งขึ้น เพราะเราอยากเรียนวิชานั้น ๆ<br /><br />ข้อที่ 6 : พูดคุยกับปากกา<br /><br />ก่อนสอบ หรือก่อนเขียนงานเราควรพูดคุยกับปากกาบ้าง คุณหนูดี ก็ใช้วิธีนี้จนเรียนจบปริญญา<br /><br />ข้อที่ 7 : นั่งหน้าห้อง<br /><br />นั่งหน้าห้องจะสามารถทำให้เราได้ยินมากกว่าคนที่นั่งข้างหลังเรา เห็นชัดกว่าคนข้างหลังเราและสามารถถามครูได้มากกว่า ซึ่งมันเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วราชิต สุพรhttps://www.blogger.com/profile/15510132528870869247noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-6098578646187483833.post-13763770275173083422010-04-05T09:26:23.237-07:002010-04-05T09:26:23.237-07:00" 9 เทคนิคฝึกสมองไบรท์ " โดย วนิษา เรซ (..." 9 เทคนิคฝึกสมองไบรท์ " โดย วนิษา เรซ (หนูดี) ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพจาก ม.ฮาร์วาร์ด<br /><br />สมัย นี้ ทุกคนอยากสวย ฉลาด และสุขภาพดี จึงพากันดูแลรูปร่าง ด้วยการออกกำลังกาย เคร่งครัดเรื่องอาหารการกินแต่ไม่เคยมีใครสนใจว่าจะดูแลสมองอย่างไรให้มี สุขภาพดี ทั้งที่สมองเป็นอวัยวะที่ตัดสินใจทุกเรื่องของชีวิต เราจึงควรเอกเซอร์ไซส์สมองให้ไบรท์ด้วยเทคนิคง่าย ๆ ต่อไปนี้<br /><br />1. จิบน้ำบ่อย ๆ<br />สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เห่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมอง<br />เหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ<br /><br />2. กินไขมันดี<br />คนไม่ ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลาสารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น<br /><br />3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที<br />หลัง จากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน<br /><br />4. ใส่ความตั้งใจ<br />การ ตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน<br /><br />5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ<br />ทุก ครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไป เรื่อยๆ<br /><br />6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน<br />สิ่ง ใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟินและโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์<br /><br />7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน<br />ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง<br /><br />8. เขียนบันทึก Graceful Journal<br /><br />ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดีขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมาช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์<br /><br />9. ฝึกหายใจลึก ๆ<br />สมองใช้ออกชิเจน 20 25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง<br />ควร นั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่สามารถหายใจเอาออกชิ เจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 %<br /><br />การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลก ที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม<br /><br />เรื่องราวของอัจริยภาพมาแรงเหลือเกินเลยนำเทคนิคฝึกสมองแบบง่ายๆ เอามาฝากกันราชิต สุพรhttps://www.blogger.com/profile/15510132528870869247noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-6098578646187483833.post-58432209415546233122010-04-05T09:24:11.769-07:002010-04-05T09:24:11.769-07:00เทคนิคอ่านหนังสือ"ขั้นเทพ"
การอ่าน ถือ...เทคนิคอ่านหนังสือ"ขั้นเทพ"<br /> <br />การอ่าน ถือเป็นอาหารสมองชั้นเลิศของสมอง "พญ.จิตรา วงศ์บุญสิน" ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ อีกทั้งยังเป็นคุณแม่ของลูกเจ้าของรางวัลเหรียญทองโอลิมปิคทางด้านวิชาการ สาขาชีววิทยา เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา มาเผยเทคนิคการอ่าน การเขียน และการจดจำ<br /><br />พญ.จิตรา วงศ์บุญสิน แนะนำว่า เทคนิคการอ่านเพื่อสร้างความจดจำ ไม่มีอะไรซับซ้อน เริ่มต้น : -<br /><br />1. เตรียมพร้อมที่จะอ่าน โดยสร้างความสนใจ และเห็นความสำคัญในสิ่งที่จะอ่าน<br /><br />2. หาสถานที่ที่เหมาะสม ไม่มีเสียงรบกวน<br /><br />3. นั่งตัวตรงที่ขอบเก้าอี้ ไม่พิงพนัก<br /><br />4. ปิดตาหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อผ่อนคลาย ใช้นิ้วชี้นำข้อความไปเรื่อยๆ<br /><br />5. อ่านบทนำ หัวข้อ ของผู้เขียน เพราะจะเป็นการรวบรวมเนื้อหาและขอบเขตของเนื้อหาทั้งหมด<br /><br />6. ระหว่างอ่านต้องเตือนตัวเองว่าเนื้อเรื่องพูดถึงใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร<br /><br />7. อ่านเนื้อหา ไม่ต้องอ่านทุกคำ บางครั้งช่วยด้วยการอ่านออกเสียง <br /><br />8. หลังอ่านจบ สรุปเนื้อหาสั้นๆ ซึ่งตรงนี้จะทำให้สามารถกลับมาทบทวนได้ง่าย ไม่ต้องมาอ่านหมดทั้งหน้าอีก และหากนำไปใช้บ่อยๆ ก็จะทำให้อ่านเร็วขึ้น ไม่ต้องใช้เวลาทั้งวันกับการอ่านหนังสือเพียงหน้าเดียวแล้วก็จำอะไรไม่ได้<br /><br />"หลังจากอ่านหนังสือจบ จะต้องมีการทบทวนภายใน 24 ชั่วโมง เพราะจากการทดลอง พบว่า หากทบทวนภายใน 24 ชั่วโมง จะทำให้จำได้ถึง 80% และใช้เวลาน้อยมากในการอ่านทบทวน ซึ่งต่างจากคนที่ทบทวนภายใน 7 วัน จะจำได้เพียง 50% ส่วนคนที่ทบทวนก่อนสอบจะจำได้เพียง 20-30% เท่านั้น"<br /><br />ปิดท้ายด้วยเทคนิคการจำ พญ.จิตราบอกว่า ให้ใช้การจำโดยการแต่งเรื่องสนุกๆ โดยนำคำต่างๆ หรือเรื่องที่ต้องการจำมาแต่งเป็นเรื่องเป็นราว หรือเป็นเรื่องตลก เป็นต้น หรืออีกวิธีคือ การจำโดยใช้แผนที่ หรือที่เรียกว่า Mind Mapping ซึ่งวิธีนี้ จะทำให้เข้าใจง่าย และจำได้ง่ายขึ้น โดยบางครั้งอาจจะใช้วิธีการวาดรูปแทนข้อความบางข้อความเพื่อสร้างความจดจำ<br /><br />เทคนิคง่ายๆ แต่ได้ประโยชน์มหาศาลราชิต สุพรhttps://www.blogger.com/profile/15510132528870869247noreply@blogger.com