วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

โรงเรียนฉือจี้เชียงใหม่

หิ่งห้อยโบยบินในความมืด ส่งแสงสว่างระยิบระยับทุกแห่งหน
                        ทุกคนจงอย่าได้มองข้ามแสงสว่างอันน้อยนิดของตน
                         หากสามารถเป็นผู้ให้ แสงสว่างนั้นจะโชติช่วงและเปี่ยมด้วยพลัง

 
       
ความหวังของพ่อแม่อยู่ที่ลูก
           ความหวังของลูกอยู่ที่โรงเรียน
                          ความหวังของสังคมอยู่ที่คนที่มีความสามารถ
                              ความหวังของคนที่มีความสามารถอยู่ที่การศึกษา
                           การศึกษาคือแหล่งให้ความหวังทั้งปวง

           ตลอด เวลา 45 ปีที่แล้วมา อาจารย์ “เจิ้งเอี๋ยน” ได้สงเคราะห์ผู้ยากไร้มาตลอด และยังได้ก่อตั้งโรงพยาบาล โรงเรียน และสื่อประชาสัมพันธ์ทางวิทยุโทรทัศน์ พร้อมกับได้ผลักดันงานด้านการกุศล รักษาพยาบาล การศึกษาและวัฒนธรรม การบรรเทาภัยสากล บริจาคไขกระดูก รักษาสิ่งแวดล้อม  และอาสาสมัครชุมชนใน 40กว่าประเทศทั่วโลก  โดยไม่แบ่งแยกศาสนา  เผ่าพันธุ์ มีแต่การให้ความเคารพ ปลอบโยนด้วยจริงใจ  ขอบพระคุณและมหาเมตตา 
           พวกท่านอาจคิดสงสัยว่า เพราะเหตุใดมูลนิธิ “ฉือจี้” ที่อยู่ไต้หวันนั้น ทำไมจึงได้มาก่อตั้งโรงเรียนที่จังหวัดเชียงใหม่ในประเทศไทย อีกทั้งหนทางก็ไกลแสนไกล

มูลเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะเมื่อปี พ.ศ. 2537
           เริ่มจุดประกายด้วยโครงการช่วยเหลือผู้ยากไร้ทางภาคเหนือของไทยในระยะเวลา สามปี “ เมื่อสรรพสัตว์ยังต้องทนทุกข์ พระโพธิสัตว์จึงได้มาโปรดสัตว์ทั้งปวง ” ที่ได้นาบุญผืนนี้มาไถหว่าน คงจะต้องกล่าวย้อนไปในปี พ.ศ. 2537 มูลนิธิพุทธฉือจี้ในไต้หวัน ได้ทราบข่าวว่าความเป็นอยู่ของชาวเขาในภาคเหนือของประเทศไทยมีความลำบาก ลำเค็ญมากและต้องการความช่วยเหลือโดยด่วน
เมื่อได้รับการขอร้องจากหลาย ๆ ฝ่าย ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนจึงได้ส่งคณะสำรวจมาประเทศไทยสองครั้งเพื่อสำรวจ ความทุกข์เข็ญของชาวเขา เพื่อเป็นการยกระดับความเป็นอยู่ของชาวเขาให้ดีขึ้น
จึง ได้เริ่มโครงการช่วยเหลือผู้ยากไร้ทางภาคเหนือของประเทศไทยระยะเวลาสามปี โดยให้ความช่วยเหลือทางด้านการกุศล การรักษาพยาบาล การศึกษา และวัฒนธรรมตามลำดับ จากนั้นมามูลนิธิพุทธฉือจี้ในไต้หวันจึงมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทย ซึ่งเป็นเมืองพุทธ อันเป็นที่มาของการจัดตั้งสาขามูลนิธิพุทธฉือจี้ในประเทศไทยขึ้นในเวลาต่อมา
          “ โครงการช่วยเหลือผู้ยากไร้ทางภาคเหนือของประเทศไทยในระยะเวลาสามปี ” เริ่มในปี พ.ศ. 2538 งานทางด้านการกุศลนอกจากจะให้ความช่วยเหลือทางด้านค่าครองชีพและค่ารักษา พยาบาลแก่คนชราในสถานสงเคราะห์คนชราที่บ้านใหม่หนองบัว อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่และที่อำเภอผาตั้ง จังหวัดเชียงรายแล้ว ชาวฉือจี้ในประเทศไทยยังให้ความช่วยเหลือระยะยาว โดยเฉพาะการให้กำลังใจและความอบอุ่นแก่คนชราเหล่านั้นให้คลายความเหงาและ ความรู้สึกโดดเดี่ยว
            ด้วยหลักการที่ว่า “ จะต้องมีที่พักพิงจึงจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ มีที่อยู่อาศัยที่ถาวรจึงจะมีอาชีพที่ดีได้ ” การช่วยเหลือผู้ยากไร้ในอันดับแรกจึงต้องปรับปรุงสภาพแวดล้อมและที่อยู่ อาศัยให้ดีขึ้น
             หลังจากการประเมินการช่วยเหลือแล้วนั้น ได้จัดตั้งโครงการสร้างบ้านพักให้แก่หมู่บ้านที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารซึ่งจัด เป็นหมู่บ้านฉือจี้ 4 หมู่บ้าน คือ บ้านห้วยหก บ้านมังกาลา บ้านใหม่ชางหลง และบ้านแม่สลัก รวมทั้งสิ้น 130 หลัง และสร้างถนนภายในหมู่บ้านและถนนที่เชื่อมต่อกับถนนสายหลัก รวมทั้งระบบประปา ระบบระบายน้ำและเดินสายไฟฟ้าเข้าหมู่บ้านเพื่อให้ชาวบ้านอยู่อย่างมั่นคง ถาวรและสามารถทำมาหากินได้อย่างสะดวก มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
            ทางด้านการเกษตรกรรม ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพเพาะปลูก แต่เนื่องจากความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างแร้นแค้น ผลผลิตต่ำ ทางมูลนิธิฯ จึงได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาสาธิตและแนะนำวิธีการเพาะปลูกที่ถูกต้อง โดยตระเวนไปทุกหมู่บ้านเพื่อสาธิตและถ่ายทอดความรู้ทางด้านการเกษตรแก่ชาว บ้าน และจัดการสัมมนาทั้งภาคฤดูร้อนและฤดูหนาว ทางมูลนิธิฯ ยังได้แจกจ่ายต้นกล้าชาและผลไม้ให้แก่ฟาร์มผาแดงและชาวบ้านนำไปเพาะปลูก เพื่อเพิ่มรายได้
 
            
  จุดประกายแห่งความหวังการจัดตั้ง “ โรงเรียนฉือจี้เชียงใหม่ ”
โรงเรียน “ ฉือจี้เชียงใหม่ ” ตั้งอยู่ที่บ้านปางผึ้ง หมู่ที่ 16 ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ 123 ไร่ รับนักเรียนจากทั่วประเทศ เมื่อนักเรียนสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายแล้วก็สามารถเข้าศึกษาต่อในระดับ ปริญญาตรีทั้งในและต่างประเทศได้

การจัดตั้ง “ โรงเรียนฉือจี้เชียงใหม่ ”
โรงเรียน “ ฉือจี้เชียงใหม่ ” ตั้งอยู่ที่บ้านปางผึ้ง หมู่ที่ 16 ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ 123 ไร่ รับนักเรียนจากทั่วประเทศ เมื่อนักเรียนสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายแล้วก็สามารถเข้าศึกษาต่อในระดับ ปริญญาตรีทั้งในและต่างประเทศได้

           โรงเรียนฉือจี้เชียงใหม่ จะยื่นขอจัดตั้งเป็นโรงเรียนประเภทโครงการใช้ภาษาจีนเป็นสื่อการสอน ส่วนวิชาภาษาไทย ประวัติศาสตร์ และวิชาสังคมจะสอนด้วยภาษาไทย และยังสอนภาษาอังกฤษด้วย นอกจากการสอนด้านวิชาความรู้แล้ว เน้นด้านเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิต เพื่อให้นักเรียนมีปรัชญาชีวิตและค่านิยมที่ถูกต้อง
ให้นักเรียนรู้จักรักผู้อื่น สำนึกบุญคุณ เคารพชีวิต สร้างสายสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว และมีจริยธรรม ทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคมและมนุษยชาติ

             โรเรียนฉือจี้เชียงใหม่ จะยื่นขอจัดตั้งเป็นโรงเรียนประเภทโครงการใช้ภาษาจีนเป็นสื่อการสอน ส่วนวิชาภาษาไทย  ประวัติศาสตร์ และวิชาสังคมจะสอนด้วยภาษาไทย และยังสอนภาษาอังกฤษด้วย  นอกจากการสอนด้านวิชาความรู้แล้ว  เน้นด้านเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิต  เพื่อให้นักเรียนมีปรัชญาชีวิตและค่านิยมที่ถูกต้อง  ให้นักเรียนรู้จักรักผู้อื่น  สำนึกบุญคุณ  เคารพชีวิต  สร้างสายสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว และมีจริยธรรม  ทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคมและมนุษยชาติ
  



วัตถุประสงค์ของโรงเรียน “ ฉือจี้เชียงใหม่ ”
1.ปลูกฝังให้รู้จักเคารพชีวิต ห่วงใยสังคม
2.ปลูก ฝังพรหมวิหารสี่ของพุทธศาสนา คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เสริม สร้างให้มีบุคลิกภาพของความจริงใจ ความยุติธรรม ความศรัทธาและความซื่อสัตย์
3.มุ่ง เน้นการเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตเพื่อปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมในครอบ ครัว ใฝ่หาความรู้ ปลูกฝังให้มีความเชื่อมั่นในตนเอง ใฝ่หาความเจริญก้าวหน้า มีความรับผิดชอบและใฝ่ดี
4.เพิ่มทักษะทางด้านภาษาไทย จีน อังกฤษ เพื่อให้มีโลกทัศน์ที่กว้างไกลก้าวสู่สังคมโลกและทำประโยชน์ให้แก่สังคมไทย
5.ใช้ทรัพยากรของโรงเรียนอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาครู การศึกษาผู้ใหญ่ การเรียนรู้ ด้านสุขอนามัยและการศึกษาของชุมชน
      โรงเรียน “ฉือจี้เชียงใหม่” เป็นโรงเรียนแห่งแรกในต่างประเทศที่ทางมูลนิธิฯ เป็นผู้ดำเนินการเอง ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารเรียน เมื่อปี พ.ศ. 2544 และจะเปิดรับนักเรียนเข้าเรียนได้ในปีการศึกษา 2546 ในช่วงแรกจะเปิดรับนักเรียนชั้นประถมปีที่ 1 สองห้อง และชั้นมัธยมปีที่ 1 สองห้อง ห้องละ 30 คน
 หวัง ว่าโรงเรียนแห่งนี้จะเป็นโรงเรียนต้นแบบของโรงเรียนของฉือจี้ที่จะไปจัดตั้ง ยังประเทศอื่นในโอกาสต่อไป ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างอาคารเรียนหรือการควบคุมดูแลด้านบุคลากรทางด้านครู ผู้สอนก็จะทำอย่างดีที่สุด

     โรงเรียนฉือจี้เชียงใหม่ แผนกประถมศึกษา ก็สร้างเสร็จเมื่อปลายปี พ.ศ.2547 และก็ได้เริ่มเปิดรับสมัครนักเรียนเมื่อปีการศึกษา พ.ศ.2548 นี่เป็นโรงเรียนแห่งแรกที่ฉือจี้ ก่อสร้างขึ้นในต่างประเทศ เหมือนกับเป็นสัญลักษณ์ของฉือจี้ประทับไว้ในประเทศไทย
     และโรงเรียนแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ในหัวใจ ของผู้คนที่ห่างไกลความเจริญและยากจน และจุดประกายความหวังแก่เด็ก ๆ ที่บริสุทธิ์ทั้งหลาย ปัจจุบันมีนักเรียนเข้าศึกษาเปิดถึงมัธยมศึกษาชั้นปีที่3 จำนวน 549 คน (ข้อมูลล่าสุดกุมภาพันธ์ 2554 )
จุดมุ่งหมายการศึกษาและจุดเด่น
1. อาศัยหลักธรรมะพรหมวิหารสี่ของพุทธศาสนา ปลูกฝังให้นักเรียนมีความรู้พร้อมพัฒนาด้านจิตใจและร่างกาย ปูพื้นฐานด้านคุณธรรม มนุษย์ศาสตร์ เสริมสร้างค่านิยมต่อชีวิตที่ถูกต้องและมีความอุสาหะวิริยะ
2. ฝึกสอนทักษะทางด้านภาษาไทย จีน อังกฤษ วิชาคอมพิวเตอร์และทักษะความรู้ด้านรักชื่นชมงาน









วัตถุประสงค์ของโรงเรียน “ ฉือจี้เชียงใหม่ ”
1.ปลูกฝังให้รู้จักเคารพชีวิต  ห่วงใยสังคม
2.ปลูกฝัง พรหมวิหารสี่ของพุทธศาสนา  คือ  เมตตา  กรุณา มุทิตา  อุเบกขา  เสริม  สร้างให้มีบุคลิกภาพของความจริงใจ  ความยุติธรรม  ความศรัทธาและความซื่อสัตย์
3.มุ่งเน้น การเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตเพื่อปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมในครอบ    ครัว  ใฝ่หาความรู้  ปลูกฝังให้มีความเชื่อมั่นในตนเอง  ใฝ่หาความเจริญก้าวหน้า  มีความรับผิดชอบและใฝ่ดี
4.เพิ่มทักษะทางด้านภาษาไทย  จีน  อังกฤษ  เพื่อให้มีโลกทัศน์ที่กว้างไกลก้าวสู่สังคมโลกและทำประโยชน์ให้แก่สังคมไทย
5.ใช้ ทรัพยากรของโรงเรียนอย่างเต็มที่  เพื่อพัฒนาครู  การศึกษาผู้ใหญ่  การเรียนรู้   ด้านสุขอนามัยและการศึกษาของชุมชน
 













     ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนเคยกล่าวไว้ว่า “ ความหวังของพ่อแม่อยู่ที่ลูก ความหวังของลูกอยู่ที่โรงเรียน ความหวังของสังคมอยู่ที่คนที่มีความสามารถ ความหวังของคนที่มีความสามารถอยู่ที่การศึกษา ดังนั้นการศึกษาจึงเป็นเรื่องที่มีความหมายและความสำคัญอย่างยิ่ง ”
            ขณะ นี้โรงเรียนฉือจี้เชียงใหม่ในประเทศไทยกำลังจะก่อกำเนิดขึ้นจากแรงศรัทธาของ พวกเราทั้งหลาย หวังว่าทุกท่านจะร่วมแรงร่วมใจช่วยให้เด็ก ๆ เหล่านี้ ได้มีความหวังที่จะมีอนาคตอันสดใสรุ่งเรือง ขอให้ทุกท่านจงช่วยกันรวบรวมเมตตาจิตและปัญญาเพื่อชุบชีวิตของเด็กเหล่านี้ ให้มีอนาคตที่ดี ขอเพียงให้ทุกท่านได้กรุณาให้ความอนุเคราะห์และเอื้ออาทรแก่เด็ก ๆ ที่ด้อยโอกาสเหล่านี้ให้มีอนาคตอันสวยสดงดงามต่อไป

ใช้ ความรักเป็นดินปุ๋ยใช้ความรู้ความสามารถมาเป็นคุณประโยชน์ “ฉือจี้”ให้ความสำคัญและฟูมฟักคนรุ่นหลังอย่างจริงจังนอกจากจะให้ทุนการ ศึกษาแก่ นักเรียนเรียนเก่งแต่ยากจนแล้วยังช่วยเหลือค่าอาหารกลางวันแก่เด็กนักเรียน




 จุดมุ่งหมายการศึกษาและจุดเด่น
1. อาศัยหลักธรรมะพรหมวิหารสี่ของพุทธศาสนา ปลูกฝังให้นักเรียนมีความรู้พร้อมพัฒนาด้านจิตใจและร่างกาย ปูพื้นฐานด้านคุณธรรม มนุษย์ศาสตร์ เสริมสร้างค่านิยมต่อชีวิตที่ถูกต้องและมีความอุสาหะวิริยะ
2. ฝึกสอนทักษะทางด้านภาษาไทย จีน อังกฤษ วิชาคอมพิวเตอร์และทักษะความรู้ด้านรักชื่นชมงานศิลปะ
ท่าน ธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนเคยกล่าวไว้ว่า “ ความหวังของพ่อแม่อยู่ที่ลูก ความหวังของลูกอยู่ที่โรงเรียน ความหวังของสังคมอยู่ที่คนที่มีความสามารถ ความหวังของคนที่มีความสามารถอยู่ที่การศึกษา ดังนั้นการศึกษาจึงเป็นเรื่องที่มีความหมายและความสำคัญอย่างยิ่ง ”
            ขณะ นี้โรงเรียนฉือจี้เชียงใหม่ในประเทศไทยกำลังจะก่อกำเนิดขึ้นจากแรงศรัทธาของ พวกเราทั้งหลาย หวังว่าทุกท่านจะร่วมแรงร่วมใจช่วยให้เด็ก ๆ เหล่านี้ ได้มีความหวังที่จะมีอนาคตอันสดใสรุ่งเรือง ขอให้ทุกท่านจงช่วยกันรวบรวมเมตตาจิตและปัญญาเพื่อชุบชีวิตของเด็กเหล่านี้ ให้มีอนาคตที่ดี ขอเพียงให้ทุกท่านได้กรุณาให้ความอนุเคราะห์และเอื้ออาทรแก่เด็ก ๆ ที่ด้อยโอกาสเหล่านี้ให้มีอนาคตอันสวยสดงดงามต่อไป

ใช้ ความรักเป็นดินปุ๋ยใช้ความรู้ความสามารถมาเป็นคุณประโยชน์ “ฉือจี้”ให้ความสำคัญและฟูมฟักคนรุ่นหลังอย่างจริงจังนอกจากจะให้ทุนการ ศึกษาแก่ นักเรียนเรียนเก่งแต่ยากจนแล้วยังช่วยเหลือค่าอาหารกลางวันแก่เด็กนักเรียน
























จุดมุ่งหมายการศึกษาและจุดเด่น
1.  อาศัยหลักธรรมะพรหมวิหารสี่ของพุทธศาสนา ปลูกฝังให้นักเรียนมีความรู้พร้อมพัฒนาด้านจิตใจและร่างกาย ปูพื้นฐานด้านคุณธรรม มนุษย์ศาสตร์ เสริมสร้างค่านิยมต่อชีวิตที่ถูกต้องและมีความอุสาหะวิริยะ
2.  ฝึกสอนทักษะทางด้านภาษาไทย จีน อังกฤษ วิชาคอมพิวเตอร์และทักษะความรู้ด้านรักชื่นชมงานศิลปะ
3.  จำนวนนักเรียนที่เปิดรับสมัคร
ป.1 สองห้อง ห้องละ 30 คน รวม 60 คน ชาย-หญิง
ป.4 สองห้อง ห้องละ 30 คน รวม 60 คน ชาย-หญิง




































































ความรักที่ค่อย ๆ สะสมทีละเล็กทีละน้อย 
จะสามารถเกิดเป็นพลังอันยิ่งใหญ่  
เพื่อพัฒนาบุคลากร  ให้เป็นผู้ที่มีความสามารถของสังคม

บริจาคเงินช่วยเหลือในส่วนของโรงเรียนฉือจี้เชียงใหม่
ชื่อบัญชี    โรงเรียนฉือจี้เชียงใหม่
บัญชีประเภท ออมทรัพย์  หมายเลขบัญชี 215-0-771810
เนื่องจากการบริจาคเงินช่วยเหลือในส่วนของ โรงเรียนฉือจี้เชียงใหม่ แบ่งการช่วยเหลืออย่างชัดเจน กรณีที่ท่านบริจาคด้วยกำลังทรัพย์ขอความกรุณาผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน  ระบุประเภทในการบริจาคเงินส่วนต่างๆ และเรียกรับใบเสร็จรับเงินที่ท่านบริจาคทันทีจากเจ้าหน้าที่  หรืออาสาสมัคร หลังการโอนเงินเข้าบัญชี กรุณาเก็บสลิปใบโอนเงิน ส่งแฟกซ์พร้อมระบุ ชื่อ-ที่อยู่ ที่จะให้ออกใบเสร็จ เพื่อขอบคุณท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน
รายละเอียดบริจาคเงินช่วยเหลือส่วนต่างๆ ดังนี้
บริจาคเพื่อการสนับสนุนการศึกษา  ดังนี้

-      จัดหาหรือจัดสร้างอาคารเรียน  พร้อมที่ดิน  หรือที่ดิน  เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
-      จัดหาวัสดุอุปกรณ์เพื่อการศึกษา
-      จัดหาครู อาจารย์ หรือผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษา หรือเป็นทุนการศึกษาการประดิษฐ์ การพัฒนาการค้นคว้า หรือการวิจัย
เงินบริจาคอื่นๆ


ร่วมบริจาคทุนการศึกษา
เงินสด
- บริจาคได้ที่โรงเรียนฉือจี้เชียงใหม่ ที่ตั้ง 253 บ้านปางผึ้ง ม.16 ต.เวียง อ.ฝาง
จ.เชียงใหม่  ในเวลาทำการ จันทร์ – อาทิตย์ 08.30 – 16.00 น. โทรศัพท์ 053 -382026-7โทรสาร 053-383059
บริจาคได้ที่มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย สำนักงานใหญ่ ในเวลาทำการ จันทร์ – อาทิตย์ เวลา 08.30 -17.30 น.

หรือบริจาคผ่านทางอาสาสมัครของมูลนิธิ
เช็ค
กรุณาสั่งจ่ายเช็คในนาม โรงเรียนฉือจี้เชียงใหม่  หรือ TZU-CHI CHIANGMAI กรุณาขีดคร่อมเช็คเพื่อนเป็นการนำเข้าบัญชีของโรงเรียนเท่านั้น
 หมายเหตุ กรุณาระบุว่า ร่วมบริจาคเข้าโครงการสงเคราะห์เพื่อการศึกษาหรือกองทุนเพื่อการศึกษา จากนั้นจึงส่งโทรสารสำเนาการโอนพร้อมชื่อ-สกุลและที่อยู่ มายังสำนักงานมูลนิธิฯ ที่หมายเลข 02-642-1890 เพื่อสะดวกในการจัดส่งใบเสร็จแก่ท่านต่อไป (ใบเสร็จนี้สามารถนำไปใช้ในการลดหย่อนภาษีได้) 


การวางรากฐานทางการศึกษาให้มั่นคงนั้นจำเป็นต้องอาศัยระยะเวลา ปัจจุบันยังมีเด็กนักเรียนอีก
จำนวน มากที่ฐานะทางครอบครัวยากจน ผู้ปกครองไม่สามารถส่งเสียค่าเล่าเรียนแก่บุตรหลานจนสำเร็จการศึกษาได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องอาศัยเมตตาจิตของผู้ใจบุญในสังคมยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ร่วมอุปถัมภ์สงเคราะห์เยาวชนเหล่านี้ให้มีโอกาสเล่าเรียนจนสำเร็จการศึกษา



1 ความคิดเห็น:

  1. คำถาม
    ทางโรงเรียนมีโครงการรับนักเรียนในชั้นมัธยมหรือไม่ เมื่อใด
    ลูกชายกำลังเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดม "ภาคเหนือ" ในเดือนสิงหาคม 2555 จะเดินทางไปเรียนชั้น มัธยมปีที่ 5 ที่ประเทศจีน (ไต้หวัน) ตามโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างสโมสรโรตารีไต้หวันและไทย ทุนมีระยะเวลาเพียงหนึ่งปี
    จึงคิดว่าเมื่อกลับมาอยากให้ลูกได้เรียนในโรงเรียนที่มีลักษณะใกล้เคียงกับการเรียนที่ไต้หวัน
    ถามว่าทางโรงเรียนจัดช้นเรียนถึง มัธยมปีที่ 6 หรือไม่ ? ระเบียบการเป็นอย่างไร ? เดชา ปัทมสิริวัฒน์ 115 ม.1 ต.ดินทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก 65130 โทรศัพท์ 081 - 887 - 7980 EMAIL:d0818877980@gmail.com

    ตอบลบ