วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

โลกอีก 70 ปีข้างหน้า ใต้แนวคิดนักวิทยาศาสตร์ ... โดยครูป้อม

ในทศวรรษ ที่ผ่านมามี เหตุการณ์ร้าย ๆ มากมายที่เกิดขึ้นกับโลกทั้ง ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ อย่างเช่น แผ่นดินไหวที่ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ คร่าชีวิตมนุษย์หลายแสนคนในเอเชีย และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยฝีมือของมนุษย์อย่างการก่อการร้ายด้วยการจี้ เครื่องบินโดยสารพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดในนิวยอร์ก ส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์หลายพันคนเสียชีวิต
วันสิ้นโลก

โลก จะอวสานอย่างไร บ้างเชื่อว่าโลกจะถึงกาลอวสานแบบไม่ทันตั้งตัว บ้างทำนายว่าชีวิตบนโลกจะตายอย่างช้าๆ ขณะที่พวกมองโลกแง่ดีหน่อยเชื่อว่า ถึงอย่างไรก็คงหาทางเอาชนะปัญหาได้โดยวิวัฒนาการไปสู่สายพันธุ์อื่นๆ

เซอร์ มาร์ติน รีส์ ศาสตราจารย์ด้านจักรวาลวิทยา นักดาราศาสตร์ประจำราชสำนัก และยังเป็นนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นผู้ประพันธ์เรื่อง Our Final Century ด้วย เขาให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อกังวลใจของมนุษย์ในเรื่องนี้ว่า มนุษย์มีโอกาส 50-50 ที่จะผ่านศตวรรษที่ 21 ไปโดยไม่ มี ภยันอัตรายใดๆ มาแผ้วพาน

"หายนะ ทางธรรมชาติบางอย่าง เช่น แผ่นดินไหว อุกกาบาตพุ่งชนโลก ยังคงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เหมือนที่เป็นมา ขณะที่ภัยคุกคามอื่นๆ อันเป็นผลจากโลกาภิวัตน์เริ่มหนักหน่วงขึ้น แต่ตอนนี้เราจำเป็นต้องพิจารณาภัยที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ด้วยเช่นกัน" เซอร์มาร์ตินกล่าว

ถ้า เป็นเช่นนั้น ภัยร้ายแรงที่สุดที่คุกคามมนุษยชาติคืออะไร แล้วเราจะรับมือได้หรือไม่ ต่อไปนี้เป็นการสอบถามความคิดเห็นของ 10 นักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับอันตรายที่น่ากลัวที่สุดเขาคิดว่า จะเกิด ขึ้นกับโลก และสังคมจะได้รับผลกระทบอย่างไร ต่อมาจะเป็นการประเมินภัยคุกคามเป็นสองแนวทาง

อันดับแรกเป็นโอกาสที่จะเกิดภัย คุกคามในช่วงอายุขัยของเรา (ในช่วง 70 ปี ข้างหน้า) และประการที่สอง เป็นระดับอันตรายที่จะมีผลต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์หากเกิดหายนะภัยขึ้นมา (คะแนนเต็ม 10 หมายถึงระดับที่ทำให้ มนุษย์สูญพันธุ์ ลงมาจนถึงระดับ 1 หมายถึงแทบจะ ไม่มีผลกระทบต่อการ ดำรงอยู่ของมนุษย์เลย
1.      การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ นิค บรูค ผู้ช่วยวิจัยอาวุโสจากศูนย์วิจัยสภาพเปลี่ยนแปลงของอากาศไทนดัล ซึ่งตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยอีสต์แองเจียล สหราชอาณาจักรอังกฤษ ให้ความเห็นว่า


"ภาย ในสิ้นศตวรรษนี้ ปัญหาภาวะเรือนกระจกจะทวีความรุนแรงขึ้น และอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย อากาศร้อนระดับนี้ถือว่าสูงกว่าที่โลกเคยเผชิญเมื่อหนึ่งล้านห้าแสนปีก่อน สิ่งเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นอาจทำให้อากาศในหลายภูมิภาคของโลกเปลี่ยน แปลงไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งอาจส่งผลต่อการผลิตอาหารเพื่อเลี้ยงประชากรโลก


และทำ ให้ระบบสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน พังทลายไปทั่ว ตามมาด้วยการอพยพของผู้คนจำนวนมหาศาล และเกิดปัญหาขัดแย้งจากการแย่งชิงทรัพยากร เนื่องจากพื้นที่ที่เหมาะกับการดำรงชีวิตของมนุษย์จะเริ่มเหลือน้อยลง ผมไม่คิดว่า อากาศที่เปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ไปหรอกนะ แต่แน่นอนว่ามันจะทำให้เกิดการสูญเสียอย่างหนัก"


- โอกาส ที่อุณหภูมิจะสูงขึ้น มากกว่า 2 องศาเซลเซียสในอีก 70 ปี (เป็นระดับที่พิจารณาว่าเป็น อันตราย ต่อสหภาพยุโรป) : เป็นไปได้สูง


- ระดับ อันตราย : 6

2.       การเสื่อมสภาพ ของเทโลเมียร์ เรนฮาร์ด สตินด์ล แพทย์จากมหาวิทยาลัยเวียนนา บอกว่าสิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์มี "นาฬิกาแห่งวิวัฒนาการ" อยู่ในตัวเวลาของนาฬิกาชีวภาพนี้จะเดินผ่านจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นการเดินถอยหลังจนถึงเวลาที่นำไปสู่ยุคสูญพันธุ์อย่างเลี่ยงไม่ได้


"เท โลเมียร์สเป็นส่วนปลายที่ปิด โครโมโซมมีอยู่ในสัตว์ทุกตัว ถ้าไม่มีเทโลเมียร์สแล้ว โครโมโซมอาจไม่มั่นคง แต่ละครั้งที่เซลล์แบ่งตัวมันจะไม่ก๊อบเทโลเมียร์สอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และตลอดชั่วอายุของเราเทโลเมียร์สจะหดสั้นลง สั้นลง เนื่องจากเซลล์เพิ่มจำนวนตัวเอง ในที่สุดแล้ว เมื่อมันหดสั้นจู๋ เราก็เริ่มมีโรคที่เกี่ยวกับชราภาพมาคุกคาม อย่างเช่น มะเร็ง อัลไซเมอร์ โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองตีบ


"อย่าง ไรก็ดี การหดสั้นของเทโลเมียร์สไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงที่เรามีชีวิตอยู่จนตาย เท่านั้น แต่ทฤษฎีของผมคือ ความยาวของเทโลเมียร์สที่ส่งผ่านจากคนรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งก็ยังมีขนาด หดสั้นลงด้วยเช่นกัน


สะท้อน ถึงกระบวนการชราภาพของแต่ละคน และเมื่อเทโลเมียร์สถูกส่งผ่านมาเป็นพันรุ่นมันจะเริ่มกร่อนจนถึงระดับ วิกฤติ เมื่อถึงวันนั้นเราจะพบว่าโรคที่เกี่ยวกับคนชราจะระบาดไปทั่วตั้งแต่อายุยัง น้อย จนสุดท้ายจะทำให้เกิดภาวะประชากรขาดแคลน การกร่อนของเทโลเมียร์สอาจใช้อธิบายการสูญพันธุ์ของมนุษย์บางสายพันธุ์ได้ อาทิ นีแอนเดอร์ธัล โดยไม่ต้องเอาปัจจัยภายนอกอย่างการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมาพิจารณา"


โอกาส ที่จะเกิดภาวะประชากรลดลงอย่างรวด เร็วในช่วง 70 ปีข้างหน้า : เป็นไปได้น้อย


ระดับ อันตราย : 8

3.       การระบาดของ เชื้อไวรัส ศาสตราจารย์มาเรีย แซมบอน นักไวรัสวิทยาและหัวหน้าห้องปฏิบัติการเชื้อไข้หวัดใหญ่ของสำนักงานป้องกัน สุขภาพแห่งราชอาณาจักรอังกฤษ มองว่า "เมื่อปลายศตวรรษก่อน เกิดการระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่อย่างรุนแรง 4 รอบ พร้อมกับการระบาดของเชื้อเอชไอวีและซาร์ส การระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลกจะเกิดขึ้นทุกรอบร้อยปี และคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดอย่างน้อยอีกครั้งในอนาคต ณ ขณะนี้


เชื้อ ที่สร้างความหวาดวิตกมากที่สุดคือ เชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช 5 ที่ระบาดในไก่ อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าไวรัสตัวนี้เรียนรู้วิธีการส่งเชื้อจากคนสู่คนแล้ว การระบาดจะแพร่ลามไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว การระบาดของไข้หวัดใหญ่ในปี ค.ศ. 1918 ได้คร่าชีวิตประชากรโลกไปแล้ว 20 ล้าน คน ภายในปีเดียว มากกว่าคนที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งด้วยซ้ำไป หากเกิดการระบาดอีกครั้งตอนนี้ก็คงส่งผลกระทบรุนแรงยิ่งกว่า"


"ไวรัส ไข้หวัดใหญ่ไม่ใช่ว่าจะฆ่า ทุกชีวิตที่มันเข้าไปอาศัยอยู่ ดังนั้น จึงไม่สามารถทำลายมนุษย์จนสูญพันธุ์ แต่มันจะส่งผลกระทบรุนแรงเป็นเวลาหลายปีทีเดียว เราไม่สามารถเตรียมตัวได้อย่างสมบูรณ์เพื่อรับมือกับผลที่เกิดจากน้ำมือ ธรรมชาติ โดยเนื้อแท้แล้ว ธรรมชาติเป็นผู้ก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพตัวจริง"


โอกาส ที่จะเกิดการระบาดของไวรัสในอีก 70 ปีข้างหน้า : เป็นไปได้สูง


ระดับ อันตราย :3

4.       การก่อการร้าย ศาสตราจารย์พอล วิลคินสัน ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาประจำศูนย์ศึกษาการก่อการร้าย และความรุนแรงด้านการเมือง มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูว์ สหราชอาณาจักร ให้ทัศนะว่า


"สังคม ทุกวันนี้มีความเสี่ยงต่อ การก่อการร้ายมากยิ่งขึ้น เพราะกลุ่มที่อาฆาตมาดร้ายสามารถหาวัสดุที่จะนำมาใช้ก่อการได้ง่ายขึ้น รวมทั้งเทคโนโลยีและความวชาญในการสร้างอาวุธทำลายสูง การก่อการร้ายที่ส่งผลให้เกิดการล้มตายเป็นจำนวนมากในปัจจุบันคืออาวุธ ชีวภาพ และอาวุธเคมี การปล่อยเชื้อบางอย่างเป็นจำนวนมากๆ อย่างเช่น แอนแทรกซ์ ไวรัสฝีดาษ อาจส่งผลกระทบอย่างมหาศาล และการติดต่อสื่อสารระหว่างพรมแดนในยุคใหม่จะทำให้กลายเป็นปัญหาระหว่าง ประเทศได้อย่างรวดเร็ว


"ใน สังคมเปิดซึ่งเราสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ เราไม่สามารถจะหยุดยั้งการจู่โจมได้เลย และมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเกิดการโจมตีขึ้นสักแห่งในโลกในชั่วอายุของ เรานี้"


โอกาส ที่จะเกิดการโจมตีด้วยการก่อการ ร้ายครั้งใหญ่ในช่วง 70 ปีหน้า : เป็นไปได้สูงมาก


ระดับอันตราย : 2

5.       สงครามนิวเคลียร์ พล อากาศเอกลอร์ด การ์เดน โฆษกกระทรวงกลาโหมประจำพรรคเสรีประชาธิปไตยแห่งสหราชอาณาจักร และผู้แต่งหนังสือเรื่อง Can Deterrence Last ?

"ใน เชิงทฤษฎีแล้ว สงครามนิวเคลียร์อาจทำลายความรุ่งเรืองของมนุษย์ แต่ในทางปฏิบัติ ผมคิดว่าอันตรายดังกล่าวอาจผ่านพ้นไปแล้ว ปัจจุบัน มีจุดที่อาจก่อให้เกิดสงครามนิวเคลียร์อยู่ 3 แห่ง ได้แก่ ตะวันออกกลาง อินเดีย-ปากีสถาน และเกาหลีเหนือ แน่นอนว่าเกาหลีเหนือเป็นจุดที่น่าวิตกมากที่สุด

เนื่องจาก มีกองทัพรูปแบบเก่าพร้อมจะลั่นไกก่อ สงครามได้โดยไม่ตั้งใจ แต่ผมอยากที่จะเชื่อว่ายังมีอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์อยู่ เนื่องจากเราได้พัฒนาระบบระหว่างประเทศที่ยับยั้งการใช้อาวุธนิวเคลียร์

"ความ เป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ ในระดับโลกนั้นต่ำมาก แม้ว่ายังมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีประเทศนอกคอก หรือพวกหัวรุนแรงอยู่ก็ตาม"

- โอกาส ที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ใน 70 ปีข้างหน้า : เป็นไปได้ต่ำ

- ระดับอันตราย : 8
6.       อุกกาบาตชนโลก โด นัลด์ เยาแมนส์ ผู้จัดการสำนักงานโครงการวัตถุใกล้โลกของนาซา จากห้องปฏิบัติการระบบขับเคลื่อนไอพ่นในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ มีความเห็นว่า "ความ เสี่ยงที่เราจะตายจากอุกกาบาตพุ่งชนเปรียบคร่าวๆ เหมือนกับโอกาสที่เราจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก อุกกาบาตที่จะทำให้ความรุ่งเรืองของมนุษย์ต้องสูญสิ้นนั้นต้องเป็นอุกกาบาต ที่มีขนาดกว้าง หรือยาวประมาณ

เรา คาดกันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้น ได้ทุกล้านปีโดยเฉลี่ย อันตรายที่เกี่ยวข้องกับอุกกาบาตชนโลกนั้นรวมถึงปริมาณฝุ่นจำนวนมหาศาลที่ ลอยขึ้นไปในอวกาศจนปิดกั้นไม่ให้แสงแดดส่องลงมาบนพื้นโลกนานหลายสัปดาห์ ซึ่งจะมีผลต่อต้นไม้และพืชไร่ ที่ค้ำจุนสิ่งมีชีวิต


อาจจะ เกิดไฟไหม้ทั่วโลกอันเป็นผลมาจากความร้อนพุ่งออกมาจากใต้พื้นโลก และยังเกิดฝนกรดที่สร้างความเสียหายอย่างหนัก ผลกระทบดังที่เอ่ยมานี้แม้จะเกิดในช่วงระยะเวลาสั้น ดังนั้น สิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับตัวเองได้ดีที่สุดอย่างแมลงสาป และมนุษย์ เป็นต้น ยังมีชีวิตอยู่รอดได้"


- โอกาส ที่โลกจะถูกอุกกาบาตพุ่งชนใน 70 ปีข้างหน้า : เป็นไปได้ปานกลาง


- ระดับ อันตราย : 5
7. หุ่น ยนต์ครองโลก ฮันส์ โมราเวก ศาสตราจารย์จากสถาบันหุ่นยนต์ มหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน ในเมืองพิตต์สเบิร์ก กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ระบบการควบคุมด้วยหุ่นยนต์ มีความสลับซับซ้อนในการประมวลผลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกปี หรือทุกสองปี แต่ความซับซ้อนของมันตอนนี้ยังอยู่ในระดับแค่สัตว์มีกระดูกสันหลังชั้นต่ำ แต่ในอีก 50 ปีข้างหน้าความสามารถในการคิดซับซ้อน ของหุ่นยนต์จะไล่ตามทันมนุษย์ ภายในปี ค.ศ. 2050 ผม ทำนายว่า จะมีหุ่นยนต์ที่มีพลังสมองทัดเทียมมนุษย์ โดยจะสามารถคิดในเชิงนามธรรม และแสดงความเห็นได้

"เครื่อง จักรที่มีสติปัญญาเหล่านี้เราจะเป็นคนเลี้ยง ดู และมันจะเรียนรู้ทักษะของเรา รับรู้เป้าหมายและคุณค่าของเรา และเราอาจรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ หุ่นยนต์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ดูแลเราในบ้านเท่านั้น


แต่ยัง สามารถทำงานที่ซับซ้อนที่ปัจจุบันจำเป็นต้องอาศัย ความสามารถของมนุษย์ เช่น การวินิจฉัยโรค และการให้คำแนะนำในการรักษา หรือบำบัด หุ่นยนต์จะเป็นทายาทสืบทอดของมนุษย์ และจะเสนอโอกาสที่ดีที่สุดให้เรากลายเป็นอมตะได้โดยการถ่ายโอนข้อมูลของตัว เราเองไปใส่ไว้ในหุ่นยนต์ที่มีความสามารถล้ำหน้า"


- โอกาส ที่จะมีหุ่นยนต์ที่มีความสามารถทางปัญญาเป็น เลิศใน 70 ปีข้างหน้า : เป็นไปได้สูง


- ระดับ อันตราย : 8

8.       แรงระเบิด จากรังสีคอสมิกจากการระเบิดของดาว เนียร์ ชาวีฟ อาจารย์ฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยฮิบรู ในเยรูซาเล็ม อิสราเอล กล่าวว่า ทุกสองสามทศวรรษ ดาวขนาดใหญ่ที่อยู่ในจักรวาลทางช้างเผือกจะหมดพลังงานและเกิดระเบิดขึ้น ซึ่งเรียกว่า ซูเปอรโนวา รังสีคอสมิก (อนุภาคพลังงานระดับสูงอย่าง รังสีแกมมา) จะแผ่รังสีออกไปทุกทิศทาง

ฃและ ถ้าโลกอยู่ในวิถีของรังสี จะทำให้เกิดยุคน้ำแข็งขึ้น ถ้าโลกมีอากาศที่หนาวเย็นอยู่แล้ว รังสีคอสมิกจากการระเบิดของดาวอาจทำให้โลกกลายเป็นไอติม และอาจทำให้สัตว์สายพันธุ์ต่างๆ สูญพันธุ์ โลกมีความเสี่ยงสูงเมื่อโคจรผ่านเกลียวของดาราจักรทางช้างเผือก ซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดซูเปอร์โนวามากที่สุด การระเบิดซูเปอร์โนวาจะเกิดขึ้นทุก 150 ล้านปี

ดัชนี บ่งชี้สภาพอากาศยุคบรรพกาลแสดงให้ เห็นว่าโลกเคยผ่านยุคน้ำแข็งมาแล้ว โดยพบน้ำแข็งจำนวนมากที่ขั้วโลก และน้ำแข็งหลายชิ้นมีอายุอยู่ในช่วงดังกล่าว

"เราใกล้จะโคจรออกจากเกลียวแขนซา กิตทาริอุส-คารินาของดาราจักรทางช้างเผือก และโลกควรมีสภาพอากาศร้อนขึ้นในสองสามล้านปี แต่ในอีก 60 ล้านปี เราจะเขาไปสู่เกลียวแขนเพอร์ซีอุส ยุคน้ำแข็งก็จะกลับมาอีกครั้ง"

- โอกาสที่โลกจะเผชิญกับซูเปอร์โน วาใน 70 ปี ข้างหน้า : เป็นไปได้น้อย

- ระดับอันตราย : 4

9.       ภูเขาไฟระเบิด ศาสตราจารย์ บิล แมคกุยรี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติเบนฟิลด์จากมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน และยังเป็นสมาชิกคณะทำงานศึกษาภัยธรรมชาติของโทนี แบลร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ พูดถึงเรื่องนี้ว่า "โดยเฉลี่ยแล้วทุก 50,000 ปี โลกจะเกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง

ซึ่งจะส่งเถ้าถ่าน ภูเขาไฟที่ถูกพ่นออกมาจะปกคลุมพื้นที่ ราว 1,000 ตารางกิโลเมตร ทวีปที่อยู่ใกล้เคียง จะเต็มไปด้วยเถ้าถ่าน และก๊าซซัลเฟอร์จะลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นม่านกรดซัลฟูริกคลุมรอบโลก ทำให้แสงแดดไม่สามารถส่องลงมายังพื้นโลกได้ กลางวันจะดูไม่ต่างไปจากกลางคืนวันเพ็ญ

"ความเสียหายที่เกิดขึ้นทั่วโลก จากภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ ขึ้นอยู่ว่าเกิดขึ้นที่ไหน และก๊าซลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศนานแค่ไหน เมื่อประมาณ 26,500 ปีมาแล้ว ภูเขาไฟเตาโปของนิวซีแลนด์เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง

ทว่า ความเสียหายครั้งสำคัญจากภูเขาไฟ ระเบิดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ คือภูเขาไฟ โทบา บนเกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย เมื่อ 74,000 ปีก่อน เนื่องจากเกิดระเบิดใกล้กับเส้นศูนย์สูตรทำให้ก๊าซกระจายไปยังซีกโลกเหนือ และใต้อย่างรวดเร็ว เมื่อศึกษาแกนน้ำแข็งทำให้รู้ว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลให้อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว 5-6 ปีหลังจากนั้น โดยพื้นที่แถบเส้นทรอปิคมีสภาพเย็นเป็นน้ำแข็ง

"โอกาสที่จะเกิดภูเขาไฟระเบิด ครั้งใหญ่เป็นไปได้มากกว่าอุกกาบาตขนาดใหญ่ชนโลก 12 เท่า แต่ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในชั่วอายุคนปัจจุบันนี้มีเพียง 0.15% ส่วนสถานที่ที่ควรจับตาดูคือ บริเวณที่เคยเกิดระเบิดในอดีต เช่น เยลโล่สโตน ในสหรัฐ และโทบา แต่พื้นที่บริเวณอื่นในโลกที่น่ากังวลมากกว่าคือ อาจเกิดภูเขาไฟระเบิดรุนแรงในพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่างเช่นบริเวณป่าฝนอะเมซอน"

- ความเป็นไปได้ที่จะเกิดภูเขาไฟ ระเบิดรุนแรงใน 70 ปีข้างหน้า : เป็นไปได้สูงมาก

- ระดับอันตราย : 7

10.   โลกจะถูกหลุมดำดูด ริชาร์ด วิลสัน ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์จากศูนย์วิจัยมัลลินก์ครอดต์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า ประมาณ 7 ปีก่อน ห้องปฏิบัติการแห่งชาติบรูคเฮฟเวนในนิวยอร์กได้สร้างเครื่องชนไอออนหนักที่ เรียกว่า Relativistic Heavy Ion Collider ขึ้นมา เนื่องจากมีความกังวลว่า สสารที่มีความหนาแน่นอาจก่อรูปขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในสมัยนั้นจัดว่าเป็นเครื่องเร่งอนุภาคที่ใหญ่ที่สุดที่เคยสร้างขึ้นมา

เพื่อ ให้ไอออนทองคำชนกันด้วยแรงมหาศาล ซึ่งอาจทำให้เกิดความหนาแน่นพอที่จะทำให้เกิดหลุมดำขึ้นมาได้จากพลังที่ดูด สสารข้างนอก ห้องแล็บบรูคทำให้เกิดความหวั่นเกรงว่า เครื่องเร่งปฏิกิริยาตัวใหม่นี้จะทำให้เกิดหลุมดำขึ้นและทำให้โลกอวสานได้ หรือไม่

"เมื่อดูจากข้อมูลที่เราได้ศึกษา จากหลุมดำที่อยู่นอกอวกาศ เราได้ทำการคำนวณเพื่อศึกษาว่าเครื่องเร่งอนุภาคของบรูคเฮฟเวนจะสามารถทำให้ เกิดหลุมดำได้หรือไม่ ซึ่งเราค่อนข้างแน่ใจว่า การทดลองในห้องแล็บจะไม่ทำให้เกิดหลุมดำ และโลกจะไม่ถูกกลืนหายไปจากการชนของอนุภาคเหล่านี้

- โอกาสที่โลกจะถูกหลุมดำกลืนใน 70 ปีข้าง หน้า : เป็นไปได้น้อยอย่างยิ่ง

- ระดับอันตราย : 10 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น