วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2554

7 นักฟิสิกส์ ของโลกตลอดกาล



อันดับ 1  อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)
นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน – สวิส – อเมริกัน เกิด พ.ศ. 2422 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2498 ผลงานสำคัญมีมากมาย เช่น ทฤษฏีสัมพัทธภาพทั้งภาคพิเศษและภาคทั่งไป ทฤษฏีปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก (photoelectric effect) ซึ่งเป็ฯผลงานที่ทำให้ได้รับราลวัล โนเบลประจำ ปี 2464 ทฤษฏีการเคลื่อนที่แบบบราน์ (Brownian motion)ฯลฯ

อันดับ 2  ไอแซก นิวตัน (Isaac New-ton)
นักวิทยาศาสตร์ นักฟิสิกส์ และนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ เกิด พ.ศ. 2185 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2272 ผลงานสำคัญเป็นพิเศษ คือทฤษฎีความโน้มถ่วง กฎสามข้อของการเคลื่อนที่ แคลคูลัส ความจริงนิวตันสนใจเคมีและใช้เวลาในการศึกษาเกี่ยวกับเคมี เขียน เรื่องราวเกี่ยวกับเคมีไว้มาก แต่มักจะไม่ได้รับการกล่าวถึง เพราะเป็นเคมียุคเก่า ที่เป็นเรื่องของอัลเคมี (เล่นแร่แปรธาตุ) ที่ไม่เป็นประโยชน์อีกต่อเคมียุคใหม่


อันดับ 3  เจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ (James Clerk Maxwell)
นักฟิสิกส์และนักคณิตศาสตร์ชาวสก็อต เกิด พ.ศ. 2374 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2422 ผลงานสำคัญคือ ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า รวมปรากฏการณ์หรือผลงานของเรื่องที่เป็นไฟฟ้า เข้ากับแม่เหล็ก

 
อันดับ 4  นีลส์ บอห์ร (Niels Bohr)
นักฟิสิกส์ชาวเดนมาร์ก เกิด พ.ศ. 2428 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2505 เป็นเจ้าของทฤษฎีแบบจำลอง (model) หรือ โครงสร้าง (structure) ของ อะตอม ที่รู้จักเรียกกันว่า แบบจำลองอะตอมบอห์ร (Bohr atomic model, Bohr atomic structure) ซึ่งเชื่อมโยงความคิดเชิงควอนตัมในเรื่องของการรับ และปล่อยพลังงานโดยอะตอมและตำแหน่ง ของอิเล็กตรอนที่โคจรรอบนิวเคลียสว่า ต้องเป็นควอนตัมคือ อยู่ได้เฉพาะบางวิถีโคจร (กำหนดโดยหลักการเชิงควอนตัม) นีลส์ บอห์รมีบทบาทสำคัญใน โครงการสร้างระเบิดอะตอมลูกแรกของโลก คือโครงการแมนฮัตตัน แต่ภายหลัง เมื่อเห็นฤทธิ์เดชอันน่าสะพรึงกลัวของระเบิดนิวเคลียร์นีลส์ บอห์รก็ทุ่มเทชีวิตให้กับการรณรงค์เพื่อให้มี การนำเอาพลังงานิวเคลียร์มาใช้ทางสันติเท่านั้น


อันดับ 5  เวิร์นเนอร์ ไฮเซนเบิร์ก (Werner Heisenberg)
เวิร์นเนอร์ ไฮเซนเบิร์ก (Werner Heisenberg) นัก ฟิสิกส์ชาวเยอรมัน เกิดพ.ศ. 2444 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2519 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ขณะมีอายุเพียง 31 ปี เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาทฤษฎีควอนตัม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักความไม่แน่นอนที่มีชื่อของเขาอยู่ด้วยว่า Heisenberg uncertainty principle


อันดับ 6  กาลิเลโอ (Galileo)
นักฟิสิกส์ชาวอิตาลี เกิด พ.ศ. 2107 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2185 เป็นนักวิทยาศาสตร์คนเดียวในโลก ที่ชื่อแรกของเขา (กาลิเลโอ) เมื่อ มีการกล่าวถึง ก็เป็นที่เข้าใจกันทั่วโลกว่า หมายถึงเขา โดยไม่ต้องระบุชื่อ – นามสกุลเต็มว่า กาลิเลโอ กาลิเลอี ได้รับการยกย่องเป็นนักวิทยาศาสตร์เด่นที่สุด ที่นำวิทยาศาสตร์โลกให้ก้าวเข้าสู่วิทยาศาสตร์ยุคใหม่ หลังจากที่วิทยาศาสตร์โลกติดอยู่กับบ่วงเหล็ก ของวิทยาศาสตร์ยุคเก่ามานานกว่าหนึ่งพันปี บ่วงเหล็กของทฤษฎีเกี่ยวกับ จักรวาลว่า โลกเป็นศูนย์กลางของจักร

 
อันดับ 7  ริชาร์ด ไฟน์แมน (Richard Feynman)
นัก ฟิสิกส์ชาวอเมริกัน เกิด พ.ศ. 2459 ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2531 ได้ชื่อเป็นนักฟิสิกส์อารมณ์ดี สอนฟิสิกส์ในระดับมหาวิทยาลัยที่ยาก ๆ ได้สนุกสนาน ทั้งๆ ที่เจาะลึก ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2508 จากผลงานเกี่ยวกับ quan-tum electrodynamics


อันดับ 8  พอล ดิแรก (Paul Dirac)
นัก ฟิสิกส์ชาวอังกฤษ เกิด พ.ศ. 2445 ถึงแก่ กรรมพ.ศ. 2527 เป็นผู้ที่รวมทฤษฎีสัมพัทธภาพภาคพิเศษ (special theory of relativity) เข้ากับทฤษฎีควอนตัมได้สำเร็จตั้งแต่ พ.ศ. 2471 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2476 จาก ผลงานเชิงทฤษฎีที่พยากรณ์ว่า อนุภาคทุกชนิด ล้วนมีปฏิอนุภาคเป็นคู่ เริ่มต้นจากปฏิอนุภาคของอิเล็กตรอน


วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ใครพอรู้ - เคยเจอบ้างไหม - ความระทมขมขื่น

หมดคุณค่าในตัวตน ของคนหนึ่งคน ก็ต่อเมื่อ เมื่อไหร่??
ใครพอรู้!!!


คำพูดของคนคนหนึ่งที่เห็นต่าง เป็นดาบที่เข้ามาทิ่มแทงหัวใจของเรา!
คุณเคยเจอบ้างไหม??


หนึ่งคนพูดๆ ค่อยจับผิด แล้วเห็นเป็นเรื่องสะใจ ชอบใจ ของเขา!!

 แต่เขาหารู้ไม่ เขาได้สร้างความขมขื่น ระทม ให้อีกคนๆ หนึ่งโดยเขาหารู้ตัวไม่!

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ความสุขจากการให้

แทนที่จะแสวงหา ความสุขจากการได้ ลองหันมาแสวงหา ความสุขจากการมี หรือจากสิ่งที่มี ขั้นต่อไปคือการแสวงหา ความสุขจากการให้ กล่าวคือ ยิ่งให้ความสุข ก็ยิ่งได้รับความสุข สุขเพราะเห็นน้ำตาผู้อื่นเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม และสุขเพราะภาคภูมิใจที่ได้ทำความดี และทำให้ชีวิตมีความหมาย ...
โดย : พระไพศาล วิสาโล เมื่อ : 19/12/2006 01:15 PM ...
สุขที่ได้ให้คนที่เรารัก เป็นสุขที่อิ่มเอมใจ สุขที่ได้ให้อภัย เป็นสุขที่ผ่อนคลาย...

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ปรารถนาในความ 'พอดี'

  ทุกคนล้วนมีความอยาก อยากมั่ง อยากมี อยากได้มาครอบครอง ทุกคนล้วนมีความโลภ
ผมมีความคิดอย่างหนึ่งกับตัวเองเสมอมาเกี่ยวกับความปรารถนา
ผมปรารถนาที่จะรักทุกคน แล้วก็ปรารถนาให้ทุกคนรักในที่ตัวผมเป็นตัวของผม
ปรารถนาที่จะเป็นผู้ให้มากกว่า ปรารถนาที่จะค่อยเป็นเพียงผู้รับ

  วันนี้ผมได้อ่านบทความนี้ ผมมีความปีติภายในใจ อิ่มเอิบ เบิกบาน ในความ 'พอดี'

   เรามักถูกสอนให้มองด้านดีว่า แก้วน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้วนั้น มีน้ำเหลือตั้งครึ่งแก้ว มากกว่าที่จะมองว่าน้ำหายไปครึ่งแก้ว แต่จะมองด้านไหนก็ตาม ก็ทำให้เราคิดว่าแก้วยังขาด พร่อง ยังต้องหาน้ำมาเติมให้เต็ม
   ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เราจะรู้สึกว่า เรายังมีไม่พอ ต้องมีนั่น มีนี่ เสียก่อน แล้วเราจะอิ่ม จะเต็ม สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยถูกสอนก็คือ ไม่ว่าเราจะพัฒนาความสามารถ ในการหาเงิน หาของ หาความรัก ให้ได้มากสักเท่าไหร่ก็ตาม น้ำในแก้วก็ไม่มีวันเต็ม เพราะความอยากในใจเราไม่เคยหยุด แก้วของเราก็จะโตขึ้น
ไปเรื่อยๆ ไม่เคยพอ
  เมื่อก่อนที่เราคิดว่า ถ้าเรามีเงินล้าน เราจะมีความสุข พอเรามีเข้าจริงๆ ปริมาณความต้องการ มาตรฐานการครองชีพ ความเป็นอยู่ของเราก็โตรุดหน้าไป จนเราต้องหาเพิ่มตลอดเวลา ซึ่งอย่าว่าแต่คนมีเงิน 10 ล้าน 100 ล้าน ขนาดคนที่มีเป็นหมื่นล้าน ยังหาเงินอย่างไม่รู้จักอิ่มรู้จักพอ รวมทั้งคนที่เรารักหนักหนา ยากลำบากกว่าจะได้มา พออยู่กันไปนาน ๆ ใจเราก็เรียกร้องมากขึ้นๆ เห็นจุดอ่อนข้อบกพร่อง ไม่อิ่ม ไม่เต็มได้ตลอดเวลา แก้วน้ำหรือความอยากในใจเรา ไม่เคยหยุดโต หาเท่าไหร่ก็ไม่เคยเต็ม
  เคล็ดลับของความสุข ก็คือ เราพยายามอย่างเต็มที่ในการหาเงิน หาความรัก เหมือนหาน้ำมาใส่แก้ว แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับขนาดของแก้วให้พอดีกับน้ำ ให้ใจเราสามารถที่จะมีความสุขสงบพอใจกับขณะนี้ เดี๋ยวนี้ โดยไม่ต้องรออนาคต
  ถ้าเรามีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว แต่เราสามารถลดขนาดของแก้วน้ำลงจนเหลือเพียง 1 ใน 4 น้ำที่มีครึ่งแก้ว ก็จะล้นมีเกินอยู่อีกเท่าตัวมีเกินพอสำหรับเราและพอที่จะแบ่งให้คนอื่นเมื่อเราเต็มเราก็ไม่ต้องไปวิ่งหาน้ำมาเติมอีก มีเวลาเหลือเฟือให้คนที่เรารัก ให้กับสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตเราอย่างแท้จริง
  การลดขนาดของแก้วน้ำก็คือ การที่เราหมั่นตามรู้ ตามดูจิตใจ ความรู้สึก ความคิดของเรา แต่ละขณะที่เรารู้ทันใจเราที่อยากได้ อยากให้คนอื่นคิดให้ถูกใจเรา ทุกขณะที่เรารู้ทัน ความอยากจะทำงานไม่ได้
เราก็ได้ลดขนาดของแก้วลงทุกขณะ ที่เรามีความรู้สึกตัวชีวิตเราก็จะเป็นแก้วที่อิ่มเต็มพอดี พอเพียงมีความสุขมั่นคง

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

กาลเวลา - รักแท้

กาลเวลาพิสูจน์รักแท้ สองทวดชาวจีน ใช้ชีวิตคู่ยาวนานถึง 90 ปี

   ใครหลายคนเชื่อในรักแท้และตามหาความรักที่เป็นนิรันดร์ อยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่า
ไม่ต่างจากคู่รักคุณทวดคู่นี้ ที่ถึงแม้ว่าอายุจะล่วงเลยมาถึงหลัก 100
แต่ทั้งสองก็มีความสุข ประคองความรักอยู่ร่วมกัน จนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง

คุณ ทวด จิน จี๋เฟิน ในวัย 106 ปี ยังคงมีร่างกายที่แข็งแรง อยู่เคียงข้างกับสามีวัย 109 ปี
ทวด หยาง เฉินโจง ซึ่งทั้งคู่ได้รับการขนานามว่า

“เป็นคู่รักที่อยู่ร่วมยาวนานที่สุด”
 จากสมาคมศึกษาเกี่ยวกับผู้สูงวัยแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน


    ทั้งนี้ ทั้งคู่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในมณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน
มานานกว่า 100 ปี ฝ่ายสามีเคยประกอบอาชีพช่างไม้
ส่วนคุณทวด จิน เป็นแม่บ้าน ทั้งคู่แต่งงานกันมานานกว่า 90 ปี
ซึ่งปัจจุบันมีลูกหลานถึง 5 ชั่วคน


“เธอดีกับผมมาตลอดชีวิตที่เราอยู่ร่วมกันมา และปัจจุบัน เธอก็ยังทำอาหาร ทำหน้าที่เป็นภรรยาที่ดีให้กับผมเสมอ”
คุณทวดหยางกล่าว


   ขณะที่คุณทวดจิน ก็มีความสุขที่ได้หุงหาอาหารให้กับสามี โดยบอกว่า 
คงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ทำอะไร รอยยิ้มของคุณทวดบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า 
ความรักที่มีให้กันนั้น ทำให้โลกนี้สวยงาม และมีความสุขขนาดไหน

ความรักที่มอบให้กันกว่า 90 ปี
แสดงให้เป็นเป็นอย่างดีว่ากาลเวลาที่ล่วงเลยที่ผ่านมา
อุปสรรคต่างๆ ไม่ได้ทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกัน
เพราะรักแท้ แม้อุปสรรคขวางกั้น ไม่มีวันที่ทั้งสองจะพรากจากกันไปได้..

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ตัวเลข - ความเชื่อ.

มีคนบอกไว้ว่าถ้าเป็นคนจีนต้องยกให้เลข 8 เป็นเลขมงคล คำออกเสียงเลข 8 ในภาษาจีนกวางตุ้งคล้ายกับคำว่า ร่ำรวย หรือ มั่งมี ส่วนชาวตะวันตกเชื่อว่าเลข 8 มีรูปร่างเหมือนเครื่องหมายอินฟินิตี้ในทางคณิตศาสตร์ จึงเชื่อว่าเลข 8 เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นนิรันดร์ ไม่สิ้นสุดและเป็นอมตะ

อย่างไร ก็ตาม ตัวเลข 88 ฝรั่งถือว่าเป็นตัวเลขนาซี เพราะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกนาซีและชาวเยอรมนีตะโกนคำว่า Heil Hitler ซึ่งเมื่อเขียนเป็นตัวย่อในภาษาอังกฤษจะกลายเป็น HH ดูคล้ายเลข 88 อีกทั้งตัวอักษร H ก็เป็นตัวอักษรในลำดับที่ 8 ในภาษาอังกฤษอีกด้วย เหล่านีโอนาซีในยุคหลังจึงประยุกต์นำเอาตัวเลข 88 มาใช้เพื่อสื่อถึงความนิยมนาซี

ส่วนเลข 7 นับว่าเป็นเลขนำโชคในวงการนักพนัน เครื่องสล็อตแมชีนที่มีฉายาว่า โจรแขนเดียว ตั้งตัวเลขรางวัลแจ๊กพอตหรือรางวัลใหญ่สุด ถ้าตัวเลขทั้ง 3 ตำแหน่งออกตรงกันที่ 777 ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากมาก หากคนไหนยังเผอิญเล่นได้ตรงกับตัวเลขนี้ก็ถือว่าเฮงสุดๆ

สำหรับเลขที่ไม่เป็นมงคลในความเชื่อของชาวตะวันตกที่รู้จักกันดีคือ เลข 13 เพราะมีความเชื่อมาจากตำนานของศาสนาคริสต์ ในอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูคริสต์ที่ชื่อว่า เดอะลาสต์ซัปเปอร์ มีผู้ร่วมโต๊ะพร้อมหน้ากับพระองค์รวม 13 คน ซึ่งจูดาร์ ศิษย์ทรยศนั่งในตำแหน่งที่ 13 ทำให้หมายเลขนี้ชาวตะวันตกถือว่าเป็นเลขอาถรรพ์ โรงแรมส่วนใหญ่มักไม่มีห้องหมายเลข 13 ไม่มีชั้นที่ 13 และหลายเมืองมักไม่มีถนนเลขที่ 13

ในทางการแพทย์ เรียกกลุ่มคนที่กลัวหมายเลข 13 จนขึ้นสมองว่า ไตรสไกเดกา โฟเบีย (Triskaideka Phobia)

แม้เลข 9 จะ เป็นเลขมงคลของชาวไทยเพราะพ้องเสียงกับคำว่า ก้าวหน้า สื่อถึงความเจริญรุ่งเรือง แต่ชาวญี่ปุ่นกลับถือว่าเลข 9 เป็นเลขอัปมงคลเพราะออกเสียงว่า คุ ซึ่งไปพ้องกับคำว่า ความยากลำบาก ถือว่าไม่ดีและไม่งาม นักเรียนมัธยมปลายที่กำลังเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยถ้าใครได้ทะเบียนสอบ หมายเลข 9 ถือว่าโชคร้ายมากๆ

ชาวญี่ปุ่นยังถือตัวเลขอื่นๆ ที่ไม่ดี คือ 4 และ 13 ทำให้สายการบินแอร์นิปปอน แอร์เวย์ส ไม่มีที่นั่งหมายเลข 4, 9 และ 13

สำหรับชาวชาวอิตาลีเชื่อว่า เลข 17 น่ากลัวพอๆ กับ เลข 13 เพราะ เมื่อเขียนเลข 17 เป็นเลขโรมันจะได้ XVII และเมื่อสลับตัวอักษรเป็น VIXI จะมีความหมายว่า ฉันเคยมีชีวิตอยู่ ซึ่งแปลว่าตายแล้ว อาคารต่างๆ ในอิตาลีมักไม่มีชั้น 17 สายการบินหลายสายไม่มีที่นั่งหมายเลข 17 แม้แต่รถสัญชาติฝรั่งเศส ยี่ห้อเรโนลต์ รุ่น R17 ต้องเปลี่ยนชื่อรุ่นเป็น R177 เมื่อนำไปขายในอิตาลี

เลข 666 ฝรั่งยังเชื่อว่าเป็นเลขปีศาจหรือซาตาน ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์และในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์โบราณ ถือว่าเลข 6 เป็นสัญลักษณ์ของซาตาน ทั้งเวลาออกเสียงภาษาอังกฤษเลข 6 (six) ยังไปพ้องกับคำว่าเจ็บป่วย (sick) ในภาษาอังกฤษ

ทางหลวงหมายเลข 666 ในสหรัฐมีฉายาว่าเป็นเส้นทางของปีศาจ (The Highway of the Beast) ซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนหมายเลขเป็น 491 ในปี 2546

นอกจากนี้ เหตุวินาศกรรมช็อกโลก 11 กันยายน 2544 มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่ามี เลข 11 เกี่ยวข้อง มากมาย นับตั้งแต่วันที่ 11 ซึ่งเป็นวันที่ 254 ของปีที่เกิดเหตุ ถอดตัวเลขมานับรวมได้ดังนี้ 2+5+4 = 11 และเมื่อนับวันถึงสิ้นปีก็เหลือวันทั้งหมด 111 วัน

เป้าหมาย ที่ถูกโจมตี คือตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์นั้นก็ตั้งอยู่คู่กันมองดูเป็นเลข 11 ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐนิวยอร์กซึ่งเป็นรัฐลำดับ 11 ของสหรัฐ ขณะที่เครื่องบินลำแรกที่พุ่งชนตึกเวิลด์เทรดฯ เป็นเที่ยวบินที่ 11

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ความหวังพังทลาย โลกนี้จะอยู่อย่างไร?

หมดแรงกาย แรงใจก็หาย ความพยายามก็เหลือแทบจะไม่มี

ความมุ่งมั่น ความตั้งใจ ความใฝ่ฝัน ที่เคยคิดเคยตั้งเป้าหมายเอาไว้

เริ่มสูญเสียความหวังนั้นลง ทุกคืนวันๆ. จนอาจจะไม่เหลือไว้เลย


กาลเวลาแห่งความโหดร้าย ได้หวนกลับเข้ามาอีกหน

กาลเวลาที่เข้ามากลืนกินความฝัน 

กาลเวลาที่เข้ามาแย่งเอาพลังกาย แรงใจ.

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

หยุด! ที่จะตามหา 'ความสุข'

จินตนาการมักจะมาพร้อมกับความตื่นเต้นหรือบางทีมากับความนิ่งสงัด
เราก็มักจะค้นพบสิ่งดีๆ 
เรามักจะเจอเร็วเมื่อมีความไม่ดีเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนความไม่ดีเรามักจะเห็น
เมื่อมีความดีเข้ามาเกี่ยวพันธ์
ทั้งสองสอ่งต่างก็เกื้อกูลกันและกัน เป็นกระจกเงาสะท้อนกันและกัน

ทุกคนมีที่ที่ควรอยู่ ที่ที่เหมาะสมกับตน อาจจะมองดูเหมือนจะไม่เหมาะสมกับเรา
แต่ที่ที่เหมาะสมกับเรานั้น อาจจะเข้าไปอยู่ได้สัมผัสมาแล้ว..
ที่นั่นอาจจะไม่เหมาะสมกับเราเลย ที่ที่ไม่ควรอยู่อีกครั้ง.


ทุกที่ ทุกเวลา ทุกโอกาส.
ทุกอย่างต่างมี 2 ด้าน ให้เรามองเสมอ
ความสุขที่เราต่างค้นหา มันซ่อนอยู่ในบึ่งลึกของหัวใจเรานั่นเอง.

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มองกลับอีกด้าน


หากท่านไม่อาจหลับไหลในยามราตรีนี้
ใคร่ครวญให้ดี ยังมีผู้ไร้แม้ที่ซุกหัวนอน

ไม่ต้องรันทด หากท่านอยู่ในรถที่ติดไปไหนไม่ได้
เพราะมีคนอีกมากมายที่ไม่เคยมีแม้โอกาสได้นั่งรถ

หากวันนี้มีงานที่กวนใจท่านมาก
คิดเสียว่ายังไม่ลำบากเท่าคนที่ตกงานนานกว่าสามเดือนแล้ว

ยามเมื่อความสัมพันธ์สะบั้นลง อย่าเพิ่งปลง
เพราะยังดีกว่าผู้ที่ไม่เคยรู้จักรัก

อย่าอาวรณ์ตอนสุดสัปดาห์จะผ่านพ้น
จงคิดถึงคนหาเช้ากินค่ำ ไม่มีวันหยุดพัก เพียงเพื่อจักยังชีพ

แม้ต้องเดินเสียไกลลิบ
เพื่อขอความช่วยเหลือยามรถเสีย
ให้นึกถึง ผู้ที่เป็นอัมพาตอยากอาสาเดินแทน

หากส่องกระจกพบผมหงอกเพิ่มมาอีกเส้น
จงอย่าลืมผู้ป่วยเคมีบำบัด ที่หวังเพียงว่า ผมจะงอกได้อีก

ยามโชคร้ายแทบหมดอาลัยตายอยาก
จงดีใจเถิด เพราะยังมีโอกาสดีกว่า

ผู้ที่ตายไปก่อนเวลาอันสมควร
หากต้องทนให้ผู้อื่นระบายทุกข์ใส่
ขอให้ระลึกว่า จะแย่กว่าเป็นไหนไหน
ถ้าต้องเป็นทุกข์นั้นเสียเอง


วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การเจริญสติ..ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน.

บางคนใช้เวลาครึ่งชีวิต คิดเรื่องอดีตไม่มีวันย้อนคืนมาให้แก้ไขอะไรได้
และใช้อีกครึ่งชีวิตหมดไปกับความกังวลถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
แต่กลับไม่มีวันเวลาเหลือให้รักษาใจในปัจจุบันเลย


ในทางศาสนาเรียกการมีสติอยู่กับปัจจุบันนี้ว่า 'การเจริญสติ' 
ก็คือ การตระหนักรู้ตัวอยู่เสมอ ตลอดเวลาว่า..
กำลังทำอะไร ทำทำไม ทำเพื่ออะไร.

การใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันจะเป็นความคิดที่สามารถเพิ่มพลังให้กับชีวิตได้เป็นอย่างดี
ถ้าคนคนนั้นครองสติไม่ให้ตกอยู่ใต้ภาวะอารมณ์ที่ผันผวน ไม่ขยายขอบเขตของความทุกข์
ปล่อยให้ไปตามอารมณ์ที่ฟุ้งซ่าน ด้วยการยอมรับที่รู้เท่านทันและปล่อยให้ปัญหาคลี่คลาย
จากหนักเป็นเบา ความกังวลจะค่อยๆ ลดความเข้มข้นลงตามเวลาที่ผ่านไปอย่างช้าๆ.

วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สิ่งเดียวกัน แต่มุมมองแตกต่างกัน

เรื่องมีอยู่ว่า..
กาลครั้งหนึ่งมีพี่น้องสองคนไปสำรวจที่ตั้งโรงงานทำรองเท้าที่ตำบลหนึ่ง
เมื่อไปถึงผู้พี่ส่งข่าวมาว่า
"โรงงานของเราคงตั้งที่นีไม่ได้ เพราะไม่มีใครใส่รองเท้าเลย"
ส่วนคนน้องรายงานมาว่า
"โรงงานของเราจะเป็นแห่งแรกของที่นี่ ที่ไม่มีคู่แข่งเลย"


เห็นไหมล่ะครับว่า
ในสิ่งเดียวกันย่อมมองต่างกันออกไปได้ และผลของการมอง
ก็ย่อมยอมมองต่างกันออกไปด้วย เคล็ดลับของการประสบความสำเร็จในชีวิตก็คือ
อย่าปล่อยชีวิตให้ 'ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ชีวิตให้มา' แต่อยู่ที่เราจะทำอย่างไรกับสิ่งที่ได้มา จากชีวิตต่างหาก

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ความรัก

ความรักที่ได้ยินมา..
มักเป็นความรักที่มีเงื่อนไข ต้องตอบสนองได้ที่หนึ่งนะแม่จึงจะรัก
ฉันรักเขาเพราะเขาไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า ไม่เที่ยวผู้หญิง


  ผมรักเธอเพราะเธอทำหน้าที่แม่บ้านไม่ขาดตกบกพร่อง
ตราบใดที่ยังเป็นตามเงื่อนไข ตราบนั้นความรักยังคงมีอยู่

ความรักที่แท้จริงย่อมปราศจากเงื่อนไข ปราศจากความกลัว
   ปราศจากความคาดหวัง ปราศจากการควบคุม
      เช่นนี้แล้ว
         ทุกเวลาที่ผ่านไปย่อมไม่มีเครื่องกำหนด

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ชีวิตของเรา

  ผมมีโอกาสได้อ่านงานเขียนของ ดร.นวลศิริ เปาโรหิตย์
ผมอ่านเจอประโยคหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องของชีวิต ในหนังสือ 'วิธีเปลี่ยนแปลงตนเอง และไม่ยอมแพ้อุปสรรค' ผมประทับใจเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิต ชีวิตขิงตัวเรานั้นเอง
เป็นคติแง่คิด เก็บไว้นำไปปรับใช้กับวิถีชีวิตที่จะพบเจอในอนาคตข้างหน้า

ชีวิตของเรามีอยู่ด้วยกัน 3 ขั้นตอน แบ่งอย่างง่ายๆ คือ..


ขั้นแรก : เป็นชีวิตตามธรรมดาสามัญ ของพวกเราชาวบ้านทั่วๆ ไป
ขั้นที่สอง : เป็นขั้นที่ปลีกตัวแยกออกต่างหากจากกลุ่ม กลายเป็นพวกพิเศษออกไปอย่างโดดเด่น บางทีถึงกลับเป็นปฏิปักษ์ต่อชีวิตตามขั้นตอนแรกเสียด้วยซ้ำไป
ขั้นที่สาม : ชีวิตจะเป็นไปในรูปแบบเดิมเหมือนขั้นที่หนึ่ง อีกแต่เป็นขั้นเดิมที่ไม่เหมือนขั้นเดิมหรือเป็นขั้นที่หนึ่งไม่เหมือนขั้นที่หนึ่ง.

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ความเหมือนที่แตกต่าง - ตัวของเราเอง - สีรุ้ง

ความยืดเยื่อทำให้เกิดความเบื่อหนาย การนั่งในวงกับการนั่งข้างนอกวง
ไม่ได้มีอะไรต่างกัน..เป็นเพียง..ความเหมือนที่แตกต่าง...

ตำแหน่งหรือความก้าวหน้าทางหน้าที่ แท้จริงแล้วมันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
หลายคนต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้ตัวเองได้ในตำแหน่ง
ผมก็เป็นอีกคนที่ไม่ได้มีความคาดหวังอะไรแล้ว ที่จะมายึดติด
เราได้ตัวเราเอง เราก็มักจะสูญเสียสิ่งๆ นั้น ด้วยตัวของเราเองเสมอ..


ในตัวของผมมีเพียงความว่างเปล่า
ในความว่างของบางคนอาจจะมีแต่สีขาว..
ในความว่างของบางคนอาจจะมีแต่สีดำ..
แต่...
ในความว่างของตัวของผมเอง
กลับมีแต่ 'สีรุ้ง'.

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ขอให้ฉันเป็น



จะขึ้นสูง ขอให้ฉัน เหมือนนกบิน เบิกบานใจ
จะตกลงดิน ขอให้ฉัน ค่อยๆ ร่วงดังใบไม้ ปลิดปลิวลงดิน
และหากจะยืน ขอให้ฉันยืนมั่นคง ดั่งต้นไม้
และหากจะนอน ขอให้เหมือนทะเลสาบ นิ่งและเย็น สงบสบาย
และหากทำงาน ขอให้ฉันเหมือนผึ้งงาน ทำสุดกำลัง
และหากเมื่อฉัน จะเล่นอะไร ขอให้ฉันรื่นเริงใจ เบาสบาย คล้ายดังลม รื่นเริงใจ เบาสบาย 

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

จินตนาการ - ความสนุกของอุปสรรค - การหลีกหนีปัญหา

จินตนาการอันบรรเจิดบ่อยครั้ง
มักจุผุดมาจาก ความสงบนิ่ง ลุ่มลึกของจิตใจอันสงบ เยือกเย็น
การครุ่นคิดใคร่ครวญ ทำให้จินตนาการเราละเอียด แยบยลมากขึ้นเสมอ.

ก้าวย่างทางเดินของเราทุกคนย่อมจะต้องพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ นานา
อุปสรรคเป็นความสนุกของชีวิตที่เราทุกคนต้องเรียนรู้ 
เพื่อก้าวผ่านพ้นมัน ด้วยความสนุกของห้วงชีวิตหนึ่งของเราเอง.


การหลีกหนี การหลีกเลี่ยง ไม่กล้าที่จะเผชิญปัญหา
ทำเช่นนี้บ่อยครั้ง คนๆ นั้นจะอ่อนแอลงทุกวัน
จนชีวิตนั้น จะไม่กล้าเผชิญหน้ากับ 'ปัญหา' ใดเลย.

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คลื่น : อุปสรรค แห่งความสวยงามของท้องทะเล

   คลื่นทะเล คือ อุปสรรคของคนขับเรือ แต่ทุกครั้งที่มีคลื่นก็ทำให้ท้องทะเลที่เงียบสงบ ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น
ส่วนชีวิตของคนเราคลื่นนั้นก็เปรียบเหมือนปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เมื่อได้เผชิญก็ทำให้คนเรา แข็งแกร่งขึ้นมาได้ 
"ทะเลสวยย่อมมีคลื่น ชีวิตจะราบรื่น ต้องมีอุปสรรค"

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ความอ่อนแอในกาลเวลา..

หยดน้ำตามักจะหลั่งไหลรินออกมาทุกครั้ง
มักจะผูกโยงกับความรักความผูกพันเสมอ.


เรามักจะคิดไปเองเสมอว่า
เวลาที่เรามีความสุข เวลานั้นแสนสั้นเหลือเกิน
ส่วน..เวลาที่เรามีความทุกข์ เวลานั้นแสนยาวนาน..


ทุกครั้งที่เราก้าวข้าวอุปสรรคมาได้คราใด
เราหารู้ไม่ว่า..เราได้บทเรียนของชีวิตอันมีคุณค่ายิ่งเสียแล้ว.


แต่ละวินาทีที่ผ่านไป ชีวิตของเราต้องได้บทเรียนชีวิตเพิ่มขึ้นมิใช่หรือ?
แต่ทำไมเล่า! ห้วงเวลาที่มวลมนุษย์ได้รับเพิ่มขึ้น อายุเพิ่มขึ้น แต่กลับทำให้มนุษย์เราส่วนใหญ่
มีความคิดไปเองว่า..ตัวของเราทำไม่ได้หรอก! อุปสรรคมีตั้งมากมายเหลือเกิน
หรือ...เมื่อเราเติบโตขึ้น ความคิดของเราแคบลง แคบทั้งความมุ่งมั่นและความกล้า...

(มนุษย์เราช่างอ่อนแอลงทุกวัน..)

วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วิถีชีวิต ต่อสู้กับชีวิต ยอมรับทุกสภาวะที่เป็นจริง...

คนทุกคนย่อมมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน เราจึงไม่ควรสร้างปมด้อยให้กับตัวเอง
ด้วยการเปรียบเทียบชีวิตของตนเองกับชีวิตของผู้อื่น.


เราต้องไม่ย่อท้อในการต่อสู้กับชีวิต ประหนึ่งว่าวที่ขึ้นสูงได้ เพราะต้านกระแสลม..


จงมองโลกตามสภาพความเป็นจริงที่มีทั้งความดีและความเลว มีนักบุญและคนบาป
ถ้าหากเรามองทุกสิ่งชัดเจน เราจะเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของสรรพสิ่ง...

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

นายพรานกับหมูป่า



    มีนายพรานคนหนึ่งเดินเข้าไปในป่า นายพรานคนนี้ได้ไปว่างกับ ดักในป่าเผอิญมีหมูป่าตัวหนึ่งเดินไปติดกับของนายพรานเข้าจึงคิดหาวิธีที่จะหลุดออกจากบวงนี้และเวลาต่อมานายพรานก็เดินมาเจอหมูป่า
หมูป่าตกใจมากก็เลยหลุดออกจากบวงของนายพรานได้และวิ่งเข้าไปในป่าหนาม
นายพรานจึงวิ่งตามเข้าไป แต่ตาของนายไปติดกับหนามทำให้หมูป่าลอดตัวไปแล้วนายพรานก็หาตาของตัวเอง
   นายพรานหาตาตัวเองอยู่ตั้งนานและแล้วนายพรานก็พบตาของตัวเองนายพรานได้นำลูกตาของตัวเองมาใส่ให้เข้าที่ีแต่เผอิญนายพรานใส่ลูกตาผิดด้านทำให้นายพรานมองเห็นข้างในของตัวเองและทำให้นายพรานอวกแตก แล้วนายพรานก้เดินกลับบ้านไปในที่สุด

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

อุปสรรค ความยากลำบาก คนชนะ...

มนุษย์เราพานพบอุปสรรคทุกวัน คนที่พ่ายแพ้ คือ 
คนที่ใจยอมแพ้ก่อนที่จะสู้ ความเจ็บปวด ความขมขื่น.


คความยากลำบากของอุปสรรคเป็นด่านที่ขวางทางเราทุกคน 
ช้า หรือ เร็ว เราก็ต้องพานพบมันทุกคน..


คนชนะไม่ได้ชนะเพราะเก่งกว่า แต่เพราะไม่ยอมแพ้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม...

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ผมบอกรักพ่อของผมช้าไปหน่อย...

คุณพ่อของผมเสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ.2545 ผมเรียนอยู่ชั้น ม.4 พี่สาวของผมสอบ Entrance ติดที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามพอดี หลังจากที่คุณพ่อเสียชีวิตได้เพียงสัปดาห์กว่าๆ ขณะนั้นเองทั้งพี่สาวและผมเอง คิดในใจว่า..เราคงหมดสิทธิ์เรียนต่อมหาวิทยาลัยฯ กันแน่ๆ
แต่สุดท้ายพี่สาวและผมก็ได้เรียนต่อ และทั้งสองคนเราก็เรียนจบได้รับปริญญาตรีกันจนสำเร็จ ส่วนหนึ่งก็มาจากเงินขายข้าวแกงของคุณแม่
บางครั้งแม่ต้องยอมอดเพื่อส่งเงินให้ลูกทั้งสองได้มีเงินใช้ ในระหว่างเรียนเป็นนักศึกษากันอยู่ หวังจะให้ลูกได้เรียนสูงๆ จะไม่ต้องมาทำงานที่ลำบากเช่นดังตัวเอง(แม่)
สำหรับผมแล้ว คำว่า 'แม่ + พ่อ' ในความรู้สึกของผมแล้วท่านเป็นมากกว่าความรัก เป็นการเรียนรู้ชีวิตอย่างหนึ่ง บางสิ่งฝั่งอยู่ในจิตใต้สำนึกของผมตลอดมา แต่บางสิ่งที่ผมน้อยใจตัวเองอย่างยิ่งเลยครับ คือว่าทั้งชีวิต "ผมยังไม่เคยบอกว่า'รัก'พ่อเลยสักครั้ง!" แต่คุณพ่อบอกรักผมจนกลายเป็นเรื่องปกติ
เมื่อครั้งที่พ่อผมได้จากไปอย่างถาวร ผมกลับมานั่งครุ่นคิดว่าผมได้สูญเสียโอกาสและเวลา ที่งดงามที่สุดไปครั้งหนึ่งของห้วงชีวิตไปตลอดกาล..
เมื่อเรารักใครก็ควรแสดงออกมาให้เขารู้ แต่อย่างน้อยผมก็ยังมีคุณแม่ มีพี่สาว และญาติพี่น้อง ฯลฯ ที่ยังค่อยอยู่เคียงข้างตัวผม ให้ผมได้บอกรักอยู่เสมอ
หวังว่าใครที่ยังมีเวลาและโอกาสดีๆ ที่ยังมีทั่งคุณแม่คุณพ่อให้บอกรัก ก็ให้รีบบอกท่านนะครับ ก่อนที่คุณแม่ คุณพ่อ ของคุณจะไม่ได้ยินคำบอกรักนั้น อย่างนิรันดร์...

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

ความทุกข์ ความสุข..ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง...

ความทุกข์ ก็คือ ความสุข , ความสุข ก็คือ ความทุกข์
คนที่มีความทุกข์มากๆ ก็คือ คนที่กำลังจะมีความสุขมากๆ ตามมา
คนที่มีความสุขมากๆ ก็คือ คนที่กำลังจะมีความทุกข์มากๆ ตามมา
ทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง มีมา ก็ต้องมีจากไป...

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

ความทรงจำ ความงามที่ซ่อนอยู่ คิดให้ดีเสียก่อนก่อนที่จะปลูกอะไร...

หลายครั้งเราเคยบอกตัวเองหรือไม่ว่า..
'เรามักสร้างความทรงจำให้สวยงาม กว่าที่มันเคยเกิดขึ้นมาจริง!'
ดังเช่นกวีบทหนึ่งเคยเขียน ไว้ว่า..
"ความงามของดอกไม้จะหายไปทันที เมื่อมีคนพยายามสร้างทฤษฎี..วิธีดูดอกไม้"

ถ้าไม่มีเวลารดน้ำต้นไม้..ก็ไม่ควรปลูกมัน...

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

การปรารถนาดี การให้ การทำความดี การมอบความรัก...

การมอบความปรารถนาดีต่อกัน ล้วนเป็นสิ่งที่งดงามประเสริฐสุด
การให้ด้วยใจ ให้แล้วเราอิ่มใจ มีความสุข ไม่เป็นทุกข์ คือ ที่สุดของการให้
การทำดี เพราะทำไปแล้วรู้ว่ามันดี..นั่นล่ะคือ การทำความดี..
การมอบความรัก เป็นสิ่งที่ดีงดงามเสมอ..ไม่ว่าจะมอบให้กับอะไร สิ่งไหนก็ตาม.

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

การแก้ปัญหาหน้าที่ของชีวิต...

ทุกชีวิตย่อมมีปัญหา ปัญหามีมาเพื่อไว้ให้แก้ ไม่ใช่มีมาให้กลัดกลุ้ม..
การแก้ปัญหาหน้าที่ของชีวิต...

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

ความสงบนิ่ง ความเยือกเย็น จิตใจคงมั่น(Beautiful Picture)

ความสงบนิ่ง..ทำจิตใจให้ว่าง เบาสบาย แต่ใจนิ่งเยือกเย็น
ความเยือกเย็น..มีความหนักแน่นดังหินมนี ดังเพชรที่แกล่งกล้า
จิตใจคงมั่น..ต้องบอกตัวเองเสมอว่า..'จงเชื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ'...