วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2565
วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2565
วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
เรื่องของ 'มอนตี้‘
หลังเลิกเรียน เขาเข้าไปพบคุณครูและถามว่าทำไมเรียงความของเขาจึงได้ F ครูคำตอบว่า สิ่งที่เขาเขียนนั้นมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เด็กชายอายุ 16 ปี คนหนึ่งชื่อว่า มอนตี้
ซึ่งคุณครูสั่งให้เขียนเรียงความเรื่อง "โตขึ้นอยากเป็นอะไร"
มอนตี้ก็เขียนบรรยายไป 7 หน้ากระดาษ ถึงความฝันของเขาที่จะเป็นเจ้าของคอกม้า
พร้อมด้วยบ้านพื้นที่ 4,000 ตารางฟุต บนเนื้อที่ 200 เอเคอร์
เขาบรรยายพร้อมกับวาดแผนผังแสดงรายละเอียดไว้ทุก ๆ ส่วน
แต่เมื่อเขานำไปส่งกลับได้คะแนน F และเรียกให้ไปพบหลังเลิกเรียน
หลังเลิกเรียน มอนตี้
ก็เข้าไปพบคุณครูและถามว่าทำไมเรียงความของเขาจึงได้ F ก็ได้รับคำตอบว่า
สิ่งที่เขาเขียนนั้นมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เพราะมันต้องใช้เงินมากมายเกินกว่าฐานะของครอบครัวของมอนตี้ จะสามารถทำได้
แม้ว่ามอนตี้จะชี้แจงให้ฟังว่ามันเป็นแค่ความฝันของเขา
แต่คุณครูไม่รับฟังและขอให้มอนตี้ไปเขียนเรียงความมาใหม่
โดยขอให้เขียนถึงเรื่องที่มันพอจะเป็นไปได้บ้างแล้วจะแก้คะแนนให้
มอนตี้ก็กลับบ้านและนำปัญหานี้ไปปรึกษากับพ่อของเขา
ซึ่งพ่อของเขาก็ให้คำตอบว่า "เรื่องนี้พ่อคงช่วยอะไรลูกไม่ได้
มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูกเอง
แต่พ่อมีความรู้สึกบางอย่างว่าการตัดสินใจของลูกครั้งนี้
จะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่ออนาคตของลูกอย่างแน่นอน"
มอนตี้ ใคร่ครวญกับเรื่องนี้อยู่เป็นสัปดาห์
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ เขานำเรียงความเรื่องเดิมไปส่งคุณครูพร้อมกับพูดว่า
"ให้คะแนน F กับผมก็แล้วกันผมจะรักษาความฝันของผมไว้"
มอนตี้เล่าเรื่องนี้ให้กับผู้มาเยือนเขาฟังพร้อมกล่าวว่า
"ที่ผมเล่าเรื่องนี้ให้พวกคุณฟัง
เพราะว่าขณะนี้มอนตี้กำลังนั่งอยู่หน้าเตาพิงในบ้าน พื้นที่ 4,000 ตารางฟุต
ซึ่งตั้งอยู่กลางคอกม้าเนื้อที่ 200 เอเคอร์ และเรียงความ 7 หน้ากระดาษนั้น
ได้ใส่กรอบเรียงอยู่เหนือเตาพิง"
และเขาได้เล่าต่อว่า "ที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ
ในฤดูร้อนเมื่อสองปีที่แล้ว คุณครูคนเดิมพาเด็กนักเรียน 30 คน
มาพักค้างแรมที่นี่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ก่อนจากไปท่านพูดกับผมว่า มอนตี้ สมัยครูเป็นครูของเธอ
ครูคงเป็น นักขโมยความฝัน ครูเสียใจนะที่ครูได้ขโมยความฝันของเด็ก
ๆ ไปตั้งมากมาย แต่ครูก็ดีใจที่เธอไม่ยอมให้ครูขโมยความฝันของเธอ"
เรื่องราวของมอนตี้เป็นเรื่องราวที่ทำให้ผม
มีความเชื่อและศรัทธาในความฝันของตัวเองเพิ่มขึ้น และรักที่จะมีความฝัน
ยิ่งได้อ่านรู้เรื่องราวของบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนหลาย
100,000,000 คน ทั่วโลก
เพราะว่าเขาทั้ง 11 คนนี้
พวกมีความฝันและพวกเขาเชื่อว่าทุกคนเคยแพ้ เชื่อว่าทุกคนเคยล้มเหลว
แต่คนแพ้ไม่ใช่คนที่ล้มเหลว คนล้มเหลวคือ...คนที่ล้มเลิกต่างหาก
วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556
ดูแลตนเอง
ทำให้เรียนรู้ว่า
"เราสามารถดูแลตนเองได้"
ไม่ได้ตายเมื่อขาดเขา
♫~ (◡‿◡✿) ~♫
วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556
คิดถึงนะ
ครั้งที่ทิ้งให้เดียวดาย คิดถึงนะ
เธออาจจะมีที่ใหม่ที่ให้ความอบอุ่น แต่ฉันเปล่าเลย เธอไม่อยู่มันช่างเหน็บหนาว
ดีใจที่เห็นเธอกลับมา พร้อมเสมอจะอ้าแขนรับ มอบความอบอุ่นให้เธอ
ฉันมีความสุขที่เธอกลับมาเคียงข้าง
มีเธอ จึงมีฉัน
...... มีเธอในวันนั้น จึงมีฉันในวันนี้.......
ยังจำเรื่องราวได้ทุกตอน...
วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555
คง..
เพราะมันไม่มีทางลืมคนที่เคยผ่านเข้ามาในใจได้หรอก
แต่..ที่มันจะทำได้ง่ายมากกว่า ก็คือ บอกกับตัวเองให้
" จำให้ได้ " ว่าอยากจะกลับไปเจ็บ เหมือนเดิมอีกมั้ยก็พอ !!!
วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ทุกครั้งที่เรา...
สิ่งเดียวที่เราต้องการจะได้รับมา
เพื่อทดแทนความรู้สึกผิดหวังนั้น
ก็คือ กำลังใจ
หากแต่กำลังใจที่เราอยากได้
มักเป็นกำลังใจที่คนอื่นให้เรา...
ไม่ใช่กำลังใจที่เราให้กับตัวเอง
ทุกคนรู้ว่าเราสามารถให้กำลังใจตัวเองได้
แต่เราก็มักไม่ทำ
ทุกคนมีสองมือเอาไว้เช็ดน้ำตา
แต่กลับอยากให้คนอื่นมาเช็ดให้มากกว่า
ทุกคนที่หกล้มสามารถลุกขึ้นมายืนอีกครั้งได้
ด้วยแรงกำลังที่เหลือของตัวเอง
แต่บางครั้งเราก็กลับนั่งฟุบร้องไห้อยู่ตรงนั้น
เพราะอยากรอให้มีใครสักคนมาฉุดดึงเรา ให้ลุกขึ้นมากกว่า
หากว่าในช่วงเวลานั้น มีคนนั้นอยู่ข้างๆเราก็ดีไป
แต่หากว่ามันไม่มี...
แล้วเราจะต้องรอคอยกำลังใจไปอีกนานแค่ไหน
ถ้าหากว่าช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต
ไม่มีใครสักคนที่พร้อมจะมานั่งปลอบใจ และอยู่เคียงข้างเรา
เราจะก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร...
หากไม่รู้จักให้กำลังใจตัวเอง
ทุกครั้งที่เราต้องร้องไห้
ผิดหวัง หรือ ล้มลง
อย่างเพียงมองหาคนอื่นมาฉุดเราให้ลุกขึ้น
แต่จงปลุกกำลังใจภายในจิตใจของตัวเอง
ให้ลุกขึ้นมายืนอยู่เคียงข้างเราให้ได้