วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

เด็กๆ เหล่านี้โตขึ้นจะเป็นอย่างไร...

เด็กน้อยเมื่อเข้ายังวัยเยาว์เขาจะเรียนรู้ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา
"เด็กบางคนได้รับโอกาสดีๆ จนเกินคณา 
แต่เด็กบางคนไม่เคยได้สัมผัสคำว่าโอกาสเลยสักครั้ง"
ผู้ที่เปลี่ยนเด็กๆ ก็คือ ผู้ใหญ่อยู่ที่ใกล้ชิดเขามากที่สุดในเมื่อวัยเยาว์

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

เธอทุกคนจะอยู่ในความทรงจำของครูตลอดไป...

ลูกศิษย์รักที่ผมประจำชั้นอยู่กับพวกเขามาเกือบ 2 ปีเต็มๆ
อีกไม่ถึงเดือนกว่าๆ สิ่งที่ผมและพวกเขาได้ประสพมาด้วยกัน
จะเหลือเป็นเพียงความทรงจำดีๆ ที่ผมบันทึกไว้ในความทรงจำ
"ไม่ว่าศิษย์จะเป็นอย่างไรในวันข้างหน้า ครูจะจดจำเธอทุกคนไว้เสมอ"



วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

ผู้ที่มีความอิสระอย่างแท้จริง(ปล่อยวาง)..

ปล่อยวางให้เป็น จึงจะแบกขึ้นมาใหม่ได้
ผู้ที่ปล่อยวางหรือแบกภาระได้อย่างสบายใจ
คือ ผู้ที่มีความอิสระอย่างแท้จริง..

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

คุณครูที่ดีที่สุดในโลกของฉัน(เท็ดดี้กับครูทอมป์สัน)...

เรื่องนี้ดีมากๆ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอ่านซ้ำๆ หลายๆ รอบแล้ว
ต่อให้อ่าน 1,000 รอบ น้ำตาผมก็ไหลหลั่งรินทั้ง 1,000 รอบ ครับผม
ชีวิตเราพบเจอผู้คนมากมาย ความรัก ความเมตตา จากเรา
อาจก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของ"ใคร"สักคน ..
 

วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

ถนนทางเดิน..แห่งสติ...

เส้นทางที่ทำให้มีสิ่งกีดขวางเยอะๆ ทำให้การเดินของเราจะเดินอย่างระวังตัวเองมากขึ้น
ตอนเช้าๆ หลังจากเข้าแถวทำความเคารพธงชาติเสร็จ นักเรียนทุกระดับชั้นก็จะเดิน
ผ่าน.."ถนนทางเดินแห่งสติ" ก่อนเข้าห้องเรียนเพื่อทำกิจกรรมจิตศึกษา..


ปล. ขอบคุณภาพจากพ่อพี่บูม

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

ผู้แพ้ - ผู้ชนะ..มีอยู่ในตัวเราทุกคน...

งานเป็นดอกไม้ของชีวิต เราจะเลือกทางเดินไหน 
ในตัวของเราเรามีอยู่ 2 อย่างเท่านั้นก็คือ ผู้แพ้-ผู้ชนะ
ทำอย่างไรเราจะเป็นผู้ชนะได้มากกว่าเป็นผู้แพ้ 
นี่คือคำถามที่ควรค่าแก่การหาคำตอบ?

 

1
ผู้ชนะ    ก้าวไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ

ผู้แพ้       มีสองระดับความเร็วคือ อารมณ์ที่รุนแรงและความหม่นหมอง

 
2
ผู้ชนะ      หวั่นไหวต่อบรรยากาศรอบตัวได้ง่าย

ผู้แพ้        หวั่นไหวก็เฉพาะความรู้สึกของตนเอง

 
 3
ผู้ชนะ       ทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำด้วยความฉลาดสงวนกำลังไว้ใช้ในสถานการณ์ที่มีทางเลือก

ผู้แพ้          ทำในสิ่งจำเป็นต้องทำด้วยความไม่พอใจ จึงไม่เหลือพลังงานไว้ใช้ในสถานการณ์ที่มีทางเลือก

 
 4
ผู้ชนะ        ทำงานหนัก ได้งานและมีเวลาเหลือ

ผู้แพ้          ยุ่งอยู่ตลอดเวลากับสิ่งที่เรียกว่าจำเป็น แต่ไม่ได้งานได้การ

 
 5
ผู้ชนะ        รู้ว่าการให้โอกาส ทำให้คนอ่อนโยนขึ้น

ผู้แพ้          มองว่ายิ่งให้โอกาส ก็ยิ่งทำให้คนแข็งกระด้าง

 
 6
ผู้ชนะ        พยายามไม่ทำร้ายผู้อื่นและทำบ้างก็อย่างมีเป้าหมายที่สูงกว่า

ผู้แพ้          ไม่ต้องการทำร้ายใครเลย แต่ทำร้ายผู้คนอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่รู้ตัว

 
7
ผู้ชนะ        ทำผิดเขาพูดว่า " ฉันผิดจริงๆ "

ผู้แพ้          ทำผิดเขาพูดว่า " ไม่ใช่ความผิดของฉัน "

 

8
ผู้ชนะ         พูดว่า " เรามาหาความจริงกันดีกว่า "

 
ผู้แพ้           พูดว่า " ไม่มีใครรู้ความจริง "

 

 9
ผู้ชนะ        ใช้ข้อบกพร่องของตนให้เป็นผลดี

 
ผู้แพ้          กลับทำลายข้อดีของตนเพื่อรักษาข้อบกพร่องเอาไว้

 
 

10
ผู้ชนะ        เผชิญปัญหา

 
ผู้แพ้         ได้แต่ด้อมมอง



ที่มา..ผู้แพ้ ผู้ชนะ 
เรียบเรียงโดย นิดดา หงษ์วิวัฒน์

วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

ใบไม้ + ดอกไม้ = ความรัก...

เรื่องเล่านี้ผมได้มาจาก Forward Mail 
ลองมองกลับมาที่ตัวเรา ทุกวันนี้ 
เราต่างแก่งแย่งชิงดี มองเห็นแต่ตัวเองก่อน 
ลองมองอีกทีดีไหมบางที "การให้ การแบ่งปัน มีน้ำใจ"
อาจจะทำให้คุณรู้สึกดีอย่างที่คุณไม่ได้รู้สึกมานานแล้วก็ได้
 

     เมื่อนานมาแล้วดอกไม้มีแต่สีขาว แต่ส่วนใบไม้นั้นมีหลากหลายสีสันและทั้งสอง มิได้อยู่บนต้นเดียวกันดั่งเช่นทุกวันนี้ ขณะที่ใบไม้หลากหลายสีมีความสุข สนุกสนาน ดอกไม้สีขาวกลับอยู่อย่างเงียบเหงา ไม่มีความสุขเลย ดอกไม้น้อย เฝ้ารอคอยบางสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นและทำให้เธอมีชีวิตชีวาขึ้นได้บ้าง เธอจะเฝ้ามองไปที่ใบไม้ บางครั้งก็นึกอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในสีสันเหล่านั้นบ้าง

     จนกระทั่งวันหนึ่ง ใบไม้เกิดมีความรู้สึกเบื่อในการมีสัสันของตนเองขึ้นมา เมื่อหันไปเห็นดอกไม้น้อยสีขาวบริสุทธิ์ดอกหนึ่ง ดอกไม้ก็เกิดความหลงใหลในความอ่อนหวาน ของดอกไม้สีขาวนั้นและก็พบว่า ดูเหมือนดอกไม้น้อยจะซ่อนความเหงาเอาไว้
"ทำไมเธอดูเงียบเหงาจัง ทั้งๆที่เธอก็มีสีขาวสวยบริสุทธิ์อย่างนี้" ใบไม้เอ่ยถามด้วยความเอ็นดู
ดอกไม้น้อยแปลกใจ แต่ก็ตอบกลับไปว่า 
"สีขาวอย่างฉันหรือสวยงาม ฉันอยากมีสีสันสดใสอย่างเธอบ้างจัง"
 
     ใบไม้รู้สึกว่าจะต้องทำให้ดอกไม้น้อยมีความสุขให้ได้
"ดอกไม้น้อย..ฉันจะดูแลเธอเองนะ  ฉันจะแต่งเติมสัสันในชีวิตให้แก่เธอเอง" หลังจากนั้น ใบไม้ก็ดูแลดอกไม้น้อยของเขาด้วยความรัก ทุกสิ่งที่เขาทำ ถูกถ่ายทอดเป็นสีสันสวยงามให้แก่ดอกไม้จนในที่สุด ดอกไม้ก็กลับกลายเป็นสีสันสดสวยงดงาม ในขณะที่สีของใบไม้กลับเหือดหายไป เหลืออยู่เพียงสีเขียว แล้ววันหนึ่งเมื่อดอกไม้มองลงไปในลำธารน้ำใสและได้เห็นเงาของเธอเองได้เห็นสีสดใสของตัวเอง แต่เมื่อหันไปมองใบไม้ก็พบว่าเขากลายเป็นใบไม้สีเขียว แต่ก็ดูเหมือนจะให้ความรู้สึกที่อบอุ่นสำหรับเธอมาก "ใบไม้จ๊ะ ฉันเสียใจ ที่ฉันแย่งสีสวยๆในชีวิตของเธอมา" ใบไม้ยิ้มอย่างอ่อนโยน "อย่าคิดอย่างนั้นสิ ทุกวันนี้ฉันไม่ต้องการสีสัน อะไรอีกแล้วหล่ะ เพราะเธอคือสีในชีวิตของ ฉันและฉันก็มีความสุขมากนะที่เห็นเธอมีชีวิตชีวาขึ้น"

     ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดอกไม้และใบไม้ก็มาอยู่รวมกันเป็นต้นไม้ที่เต็มไปด้วยรัก ความอบอุ่นและก็เติบโตขึ้น พร้อมๆ กันบนรากของความผูกพัน ซึ่งดอกไม้น้อยและใบไม้ได้แบ่งปันแก่กันและกัน ดังนั้นทุกครั้งที่เรามองสีเขียวของใบไม้ก็จะรู้สึกอบอุ่นและสบายตา นั่นก็มาจาก "ความรัก" ของใบไม้ที่ถ่ายทอดและแต่งเติมสีสันแห่งชีวิตให้แก่ดอกไม้และที่ดอกไม้บางดอกยังคงมีสีขาวบริสุทธิ์อยู่ก็คงเพราะอยากจะให้ความอ่อนหวานละมุนละไมนั้นยังคงอยู่คู่โลก นั่นเอง

วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

กราบคารวะคุณครูของแผ่นดิน...


16 มกราฟ้าไร้หม่น
ขอคุณครูทุกคนจงสุขี
เกริกเกียรติ์ก้องเปี่ยมล้นท้นความดี
อย่าได้มีขุ่นข้องหมองกมล

ที่มีทุกข์จงคลายมลายสิ้น
เป็นอาจิณศีลธรรมน้อมนำผล
มีเมตตาปรานีศิษย์ทุกคน
ส่งศิษย์พ้นวังวนอนธการ

ครูเป็นผู้ชี้ทางสว่างให้
เป็นกำแพงคุ้มภัยทุกถิ่นฐาน
เป็นแม่พระแม่พิมพ์มายาวนาน
ศิษย์จึงผ่านผองภัยได้ด้วยครู..

วันเสาร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2554

อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้ามไป(เจ้าลามิได้โง่)...

นิทานเจ้าลามิได้โง่นี้ เป็นเรื่องราวที่ผมอ่านแล้วมีกำลังใจ
ให้ผมได้เรียนรู้ เสริมพลังใจของผมความเข้มแข็ง ค่อยบอกตัวเองเสมอว่า
จงอย่าท้อถอยและยอมแพ้ จงแก้ไขมันเพื่อที่จะก้าวสูงขึ้นเรื่อยๆ

 
    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชาวนาคนหนึ่งเลี้ยงลาไว้ตัวหนึ่งซึ่งแก่มากแล้ว ด้วยความโง่ของมันดันเดินซุ่มซ่ามไปตกบ่แห่งหนึ่ง มันร้องครวญครางอยู่เป็นเวลานาน ชาวนาเองก็พยายามใคร่ครวญ หาวิธีที่จะช่วยมันขึ้นมา 
    ในที่สุดชาวนาหวนคิดขึ้นมาได้ว่า เจ้าลาก็แก่เกินไปแล้ว อีกอย่างบ่อนี้ก็ต้องกลบไม่คุ้มที่จะช่วยเจ้าลา ชาวนาจึงไปขอแรงชาวบ้าน เพื่อมาช่วยกลบบ่อ ทุกคนใช้พลั่วตักดินสาดลงไปในบ่อ 

ครั้งแรก..เมื่อดินถูกหลังลา มันตกใจและรู้ชะตากรรมของตนเองทันที มันร้องโหยหวน สักพักหนึ่ง ทุกคนก็แปลกใจที่เจ้าลาเงียบไป หลังจากชาวนาตักดินใส่บ่อได้สักสองสามพลั่ว 
    เมื่อเหลือบมองลงไปในบ่อ ก็พบกับความประหลาดใจที่ลามันจะสะบัดดินออกจาก หลังทุกครั้งที่มีผู้สาดดินลงไป แล้วก้าวขึ้นไปเหยียบบนดินเหล่านั้น ยิ่งทุกคนพยายามเร่งระดมสาดดินลงไปมากเท่าไร มันก็ก้าวขึ้นมาเร็วได้มากยิ่งขึ้น
     ในไม่ช้าทุกคนต่างประหลาดใจในที่สุด เจ้าลาสามารถหลุดพ้นจากปากบ่อดังกล่าวได้...

 

ขอบคุณโอกาสดีๆ ณ โรงเรียนนอกกะลา...

งานสอนทำให้ผมเรียนรู้ชีวิตของการทำงาน
เวลาที่ผ่านไปแต่ละวันทำให้ผมมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น
ขอบคุณโอกาสดีๆ ณ โรงเรียนนอกกะลา แห่งนี้ครับผม..




วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

ความเหมือนที่แตกต่าง(ข้อความเพียงสั้นๆ แต่ความรู้สึกเปลี่ยน)...

ชีวิตของทุกคนย่อมมีความหมาย
ชีวิตของทุกคนต่างยืนอยู่เคียงข้างความคาดหวัง
อาจจะของตัวเราเองหรือของคนอื่นก็เป็นได้..


เด็กตาบอดคนหนึ่งนั่งที่ขั้นบันไดของตึกโดยมีหมวกวางหงายไว้ข้างๆ 

มีป้ายเขียนไว่ข้างตัวว่า “ผมตาบอด กรุณาช่วยด้วย”
มีเหรียญเพียงสองสามอันในหมวก 


    ชายคนหนึ่งเดินผ่านมา เขาหยิบเงินสองสามเหรียญจากกระเป๋าแล้วหย่อนลงในหมวก เขาหยิบป้ายข้างเด็กตาบอดมาเขียนที่ด้านหลัง แล้ววางลงที่เดิมเพื่อให้คนเดินผ่านได้เห็นข้อความใหม่บนป้าย

     ในไม่ช้า...หมวกก็เต็ม ผู้คนมากมายให้เงินแก่เด็กตาบอด บ่ายวันนั้นชายที่เขียนป้ายให้ใหม่กลับมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กชายจำเสียงฝีเท้าเขาได้ก็ถามขึ้นว่า
“คุณใช่คนที่เขียนป้ายให้ผมใหม่เมื่อเช้าใช่ไหมครับ”
 “คุณเขียนว่าอะไรครับ”

     ชายคนนั้นพูดว่า “ฉันแค่เขียนความจริง ฉันเขียนสิ่งที่เธอพูดแต่เขียนด้วยคำพูดที่แตกต่าง” 
 
ฉันเขียนว่า
 “วันนี้ช่างเป็นวันที่สวยงาม แต่ผมไม่สามารถชื่นชมมันได้” 


 
     ทั้งสองข้อความบอกกล่าวผู้คนว่าเด็กชายนั้นตาบอด ทว่าข้อความแรกเพียงบอกธรรมดาว่าเด็กชายตาบอด ในขณะที่ข้อความหลังบอกผู้คนว่าพวกเขาช่างโชคดีเหลือเกินที่ตาไม่บอด แปลกใจไหมที่ข้อความหลังให้ผลดีกว่า

วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554

ภาพขำๆ ให้คุณรับรอยยิ้ม สุขใจอุรา...

ดูเพียงภาพทำให้เราเกิดรอยยิ้ม
มีความสุขเพียงเล็กน้อย ชั่วครู่ ก็ยังดีกว่ามานั่งกลัดกลุ้มใจเพียงชั่วคราว
ยิ้มๆ เข้าไว้ สุขพิมใจอุรานะครับ..


วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

ภาพถ่ายสวยๆ ถ่ายแบบอินฟาเรด...

อีกมุมหนึ่งของความงามจากภาพถ่าย
ธรรมชาติงดงามเสมอ โปรดช่วยกันรักษ์ษาธรรมชาติกันมากๆ นะครับ



วันอังคารที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2554

บางครั้งเราอาจจะเคยรู้สึกเหงาและเดียวดาย...

ถ้าเรามัวแต่คิดในสิ่งที่เราอยากให้เป็นแล้วยังไม่สำเร็จ
เราก็จะเกิดแต่ความคาดหวัง ส่งผลให้ตัวเราหมดพลังไปด้วย
ทำให้รู้สึกเหงา อ้างว้าง และเดียวดาย..

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

คมความคิด "คิดให้เป็น คิดให้สุขใจ"...

กำลังใจที่หลายๆ คนใฝ่หามาให้ตัวเอง
ลองอ่านดู แล้วนำมาปรับใช้กับตัวเราก่อน
ก่อนที่สอนคนอื่นนะครับ.. สู้ๆ
 
Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า 3.0 ประเทศไทย.