ให้เราจำคำพูดของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ความยึดมั่นเป็นตัวทุกข์
มีความยึดมั่นในสิ่งใดก็เป็นทุกข์ในสิ่งนั้นถ้าปล่อยวางได้ก็ไม่ทุกข์
มีความยึดมั่นในสิ่งใดก็เป็นทุกข์ในสิ่งนั้นถ้าปล่อยวางได้ก็ไม่ทุกข์
เราจึงควรรู้เท่าทันสิ่งนั้น อย่ายึดอย่าถือให้มันรุนแรง
แต่ให้รู้ว่าสิ่งนี้มันไม่ใช่ของแท้ของจริงเป็นสิ่งที่ผ่านมาในวิถีชีวิตของเรา
มันเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป อะไรที่ผ่านมาในชีวิต
ลาภผ่านมา ยศผ่านมาความสุขผ่านมา สรรเสริญผ่านมา แล้วมันก็ผ่านไป
แต่เราหลงผิดว่า เมื่อมันผ่านไปแล้ว เราก็กลับไปจับมันอีกรถไฟออกแล้ว
เรากระโดดจับรถไฟเลยล้มลงไปปากแตก ขาหักแขนหัก
ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน
อารมณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในใจของเราก็เป็นอย่างนั้น
พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า..
"ให้ปล่อยวางให้อยู่ด้วยความว่าง ในการยึดถือในสิ่งนั้น ให้ใช้ปัญญาพิจารณาให้รอบคอบ"
อารมณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในใจของเราก็เป็นอย่างนั้น
พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า..
"ให้ปล่อยวางให้อยู่ด้วยความว่าง ในการยึดถือในสิ่งนั้น ให้ใช้ปัญญาพิจารณาให้รอบคอบ"
จาก..
พระธรรมเทศนาของพระธรรรมาจารย์
แบกก็หนัก วางก็สบาย...
ตอบลบ