ยืนยง โอภากุล หรือที่รู้จักกันในชื่อ แอ๊ด คาราบาว
เมื่อกลับมาเมืองไทย ไข่ ได้แยกตัวออกไป แอ๊ดและเขียวยังคงเล่นดนตรีต่อไป ในเวลากลางคืน โดยกลางวันแอ๊ดทำงานอยู่ที่การเคหะแห่งชาติ ส่วนเขียวทำงานอยู่กับบริษัทของฟิลิปปินส์ที่มาเปิดสาขาในประเทศไทย
จุดเปลี่ยนของชีวิตยืนยง โอภากุล อยู่ที่การรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์อัลบั้มชุดแรกให้กับวงแฮมเมอร์ ในปี พ.ศ. 2522 ซึ่งประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา เป็นแรงดลบันดาลใจให้กับยืนยงว่า ถ้าจะออกอัลบั้มของตัวเอง คงจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน จึงร่วมกับเขียว ออกอัลบั้มชุดแรกของวงคาราบาวในชื่อชุด "ขี้เมา" ในปี พ.ศ. 2524 ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
คาราบาว มาประสบความสำเร็จในอัลบั้มชุดที่ 5 ของวง คือ ชุด "เมด อิน ไทยแลนด์" ที่ออกในปลายปี พ.ศ. 2527 ซึ่งมียอดจำหน่ายสูงถึง 5 ล้านตลับ และนับตั้งแต่นั้น ชื่อของ แอ๊ด คาราบาว ก็เป็นที่รู้จักกันดีของคนไทย
โดย ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าวง เป็นผู้มีบุคคลิกเป็นตัวของตัวเองสูง กล้าพูดกล้าวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวต่าง ๆ ในสังคมอย่างแรงและตรงไปตรงมา โดยสะท้อนออกมาในผลงานเพลง ที่เจ้าตัวจะเป็นผู้เขียนและร้องเองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีออกมามากมายทั้งอัลบั้มในนามของวงและอัลบั้มเดี่ยวของตนเอง จนถึงวันนี้ไม่ต่ำกว่า 900 เพลง รวมถึงการแสดงออกในทางอื่น ๆ ด้วย ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่ชอบและไม่ชอบ โดยผู้ที่ไม่ชอบคิดเห็นว่า เป็นการแสดงออกที่ก้าวร้าว รวมถึงตั้งข้อสังเกตด้วยถึงเรื่องการกระทำของตัวยืนยงเอง
ยืนยง โอภากุล ไม่จำกัดตัวเองแต่ในบทบาทของศิลปินเพลงเท่านั้น แต่ยังได้มีผลงานเขียนหนังสือและแสดงละคร ภาพยนตร์ต่าง ๆ ด้วย อาทิ เช่น เรื่องพรางชมพู กะเทยประจัญบาน (พ.ศ. 2545) ละครเรื่อง เขี้ยวเสือไฟ ทางช่อง 9 (พ.ศ. 2544) ลูกผู้ชายหัวใจเพชร ทางช่อง 7 (พ.ศ. 2546) เป็นต้น รวมถึงการทำงานภาคสังคมและมูลนิธิต่าง ๆ และยังได้แต่งเพลงประกอบโฆษณาหรือโครงการต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐในแต่ละโอกาสด้วย
ในปลายปี พ.ศ. 2545 ยืนยง โอภากุล ได้เปลี่ยนบทบาทของตัวเองอย่างสำคัญอีกครั้งหนึ่ง โดยเป็นหุ้นส่วนสำคัญคนหนึ่งของเครื่องดื่มชูกำลัง ยี่ห้อ "คาราบาวแดง" โดยใช้ชื่อวงดนตรีของตัวเองมาเป็นจุดขาย ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างในสังคมว่า สมควรหรือไม่ กับผู้ที่เคยสู้เพื่ออุดมการณ์มาตลอด มาเป็นนายทุนเสียเอง
ชีวิตส่วนตัว ยืนยง โอภากุล มีชื่อเป็นภาษาจีนกลางว่า "หูฉุนฉาง" แปลว่า "เกิดบนดิน" ชอบเลี้ยงไก่ชนซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยง ที่ชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก ๆ และมีฟาร์มไก่ชนเป็นของตัวเอง นอกจากคาราบาวแดงแล้ว ยังมีกิจการทางดนตรีอีก คือ มีห้องอัดเสียงที่บ้านของตัวเอง ชื่อ เซ็นเตอร์ สเตจ สตูดิโอ ซึ่งเป็นสตูดิโอระดับชั้นแนวหน้าแห่งหนึ่งของเมืองไทย และมีบริษัทเพลงชื่อ มองโกล เรคคอร์ด สมรสกับนางลินจง โอภากุล หญิงชาวบุรีรัมย์ มีบุตรด้วยกัน 3 คน เป็นหญิง 2 คน คือ ณิชา (เซน) และ ณัชชา (ซิน) โอภากุล และชาย 1 คน คือ วรมันต์ โอภากุล (โซโล)
หมายเหตุ
- ยืนยง โอภากุล มีพี่ชายฝาแฝดอีก 1 คน เป็นศิลปินเพลงเพื่อชีวิตเหมือนกัน คือ ยิ่งยง โอภากุล ชื่อเล่น "อี๊ด" และเคยออกอัลบั้มร่วมกัน 1 อัลบั้ม คือ อัลบั้ม พฤษภา ในปี พ.ศ. 2535 หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
- ซูซู เคยแต่งเพลงเพื่อยกย่องยืนยง ชื่อเพลง ราชาสาม ช่า ในปี พ.ศ. 2534
อัลบั้มเดี่ยว
- กัมพูชา (พ.ศ. 2527)
- ทำมือ (พ.ศ. 2532)
- ก้นบึ้ง (พ.ศ. 2533)
- โนพลอมแพลม (พ.ศ. 2533)
- เวิลด์ โฟล์ค เซน (พ.ศ. 2534)
- พฤษภา (พ.ศ. 2535)
- รอยคำรณ (พ.ศ. 2537)
- รวงข้าวสีทอง (พ.ศ. 2538)
- เดอะ แมน ซิตี้ ไลอ้อน (พ.ศ. 2539)
- ใต้ดิน (พ.ศ. 2539)
- เหลืองหางขาว (พ.ศ. 2543)
- คนไทยหรือเปล่า (พ.ศ. 2544)
- ไม่ต้องร้องไห้ (พ.ศ. 2545)
- โอท็อป (พ.ศ. 2547)
- ซึม เศร้า เหงา แฮงก์ (พ.ศ. 2548)
- แมง ฟอร์ซ วัน (พ.ศ. 2549)
- ตะวันตกดิน (พ.ศ. 2549)
- ยืนยงตั้งวงเล่า (พ.ศ. 2551)
- คนกับเมาท์ (พ.ศ. 2551)
- ยืนยงและสหายดนตรี ชุด เดินต่อไป (พ.ศ. 2552)
ผลงานละคร
- เขี้ยวเสือไฟ
- ส่วย
- ลูกผู้ชายหัวใจเพชร
- มหาราชกู้แผ่นดิน
- เพื่อนรักเพื่อนร้าย
ผลงานภาพยนตร์
- สวรรค์บ้านนา (พ.ศ. 2526)
- เสียงเพลงแห่งเสรีภาพ (พ.ศ. 2528)
- คนเลี้ยงช้าง (พ.ศ. 2533)
- พรางชมพู กะเทยประจัญบาน (พ.ศ. 2545)
- ว้อ หมาบ้ามหาสนุก (ดารารับเชิญ) (พ.ศ. 2551)
- สาระแน ห้าวเป้ง!! (พ.ศ. 2552)
- คนไททิ้งแผ่นดิน (พ.ศ. 2553)
พิธีกร
- สำรวจธรรมชาติ On The World (ช่อง 5)
ขอขอบคุณ "พี่แอ๊ต"
ครูป้อม คนล่าฝัน
ครูป้อม คนล่าฝัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น